หลังจากการตัดสินใจผ่าตัดแปลงเพศแล้ว สิ่งที่สำคัญในขั้นตอนถัดไปก็คงจะเป็นการดูแลในช่วงหลังการผ่าตัด และการคาดการหวังที่จะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเป็นตัวเราเองในเวอร์ชันที่ดีขึ้นกว่าเดิมแบบ 100% เพราะความมั่นใจในเพศสภาพที่เต็มเปี่ยมมากขึ้น แต่การผ่าตัดแปลงเพศเทคนิคต่างๆ ใช้เวลาในการพักฟื้นนานเท่าไรกันนะ สามารถหาคำตอบได้ในนบทความนี้

ทำความรู้จักการผ่าตัดแปลงเพศ (Gender Affirming Surgery) เบื้องต้น
การผ่าตัดแปลงเพศ หรือในภาษาอังกฤษคือ Gender Affirming Surgery เป็นกระบวนการพัฒนาทางการแพทย์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อปรับเปลี่ยนเพศทางกายภาพให้เหมาะและสอดคล้องกันกับเพศที่เกิดขึ้นในสภาพจิตใจ ซึ่งในแต่ละคนอาจเหมือนหรือไม่เหมือนกันก็ได้ ในบางคน มีเพศสภาพเป็นชาย แต่มีความต้องการที่จะเป็นผู้หญิง หรือในบางคนมีเพศสภาพเป็นหญิง แต่มีความต้องการที่จะเป็นเพศชายก็ได้เช่นกัน และเรื่องเหล่านี้ไม่นับเป็นเรื่องที่ผิด อีกทั้งในปัจจุบันทั่วโลกยังให้การยอมรับเรื่องเหล่านี้มากขึ้นอีกด้วย
โดยทั่วไปการผ่าตัดแปลงเพศจะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทอัน ได้แก่:
- FTM การผ่าตัดแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย (Female-to-Male) การผ่าตัดที่ต้องการให้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นเพศชายให้ได้มากที่สุด อันหมายถึงผ่าตัดเปลี่ยนหญิงเป็นชาย โดยสามารถแยกออกไปได้อีกหลากหลายไม่ใช่เพียงแค่การผ่าตัดแปลงเพส แต่รวมผ่าตัดหน้าอก ด้วย
- MTF การผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง (Male-to-Female) การผ่าตัดที่ต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นหรือใกล้เคียงกับเพศหญิงให้ได้มากที่สุด โดยสามารถผ่าตัดได้ทั่วเรือนร่าง ตั้งแต่ผ่าตัดแปลงเพศ ผ่าตัดลดขนาดลูกกระเดือก ผ่าตัดเสริมสะโพก เสริมหน้าอกเป็นต้น
หลังผ่าตัดแปลงเพศกี่วันถึงเดินได้ปกติ?
ระยะเวลาในการฟื้นฟูร่างกายหลังการผ่าตัดนั้น ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการผ่าตัดแปลงเพศ หรือชนิดในการผ่าตัดแปลงเพศที่คนไข้ผู้เข้ารับบริการเลือกด้วย อีกทั้งสภาพร่างกาย การดูแลตัวเองก็ส่งผลต่อระยะเวลาในการพักฟื้นทั้งสิ้น จึงทำให้ระยะเวลาในการพักฟื้นของแต่ละคนไม่เท่ากันแต่สามารถแจกแจงคร่าวๆได้ดังนี้ โดยเป็นเพียงการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนอวัยวะเพศเท่านั้น


หลังการผ่าตัดสร้างช่องคลอด (Vaginoplasty):
- วันแรกหลังการผ่าตัด คนไข้ผู้เข้ารับบริการ จะรู้สึกเจ็บปวดและมีความบวมบริเวณอวัยวะเพศ แต่ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดจะแนะนำให้เริ่มขยับร่างกายเล็กน้อย ไม่ต้องหนักเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
- วันที่ 2-3 หลังการผ่าตัด คนไข้ผู้เข้ารับบริการ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มสามารถลุกขึ้นเดินเองได้แล้ว แต่จะยังคงมีความเจ็บหรือปวดอยู่บ้าง
- 5 วันหลังการผ่าตัด สามารถอาบน้ำได้แต่ควรรักษาความสะอาดไม่ให้ความชื้นสะสม
- 7 วันหลังการผ่าตัด คนไข้ผู้เข้ารับบริการจะต้องเริ่มศึกษาวิธีขยายช่องคลอดด้วยตัวเอง โดยอาการจะเริ่มดีขึ้น มีเพียงความเจ็บ ปวดเล็กน้อยเท่านั้น
- 2 สัปดาห์ อาการบวมและช้ำจากการผ่าตัด ลดลงมาก สามารถเดินได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น แต่ยังคงต้องระมัดระวังในการเคลื่อนไหว
- 1 เดือน สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ แต่ต้องระมัดระวังแผลเป็นอย่างดี
- 6-8 สัปดาห์ คนไข้ผู้เข้ารับบริการ จะสามารถกลับไปใช้กิจกรรมประจำวันและกิจวัตรต่างๆได้ตามปกติสามารถออกกำลังกายเบาๆได้ แต่ต้องทำ dilation อย่างเคร่งครัด
- 3-6 เดือน ความบวมของอวัยวะลดลงเกือบทั้งหมด เริ่มมีความรู้ๆที่อวัยะเพศมากขึ้น
- 6-12 เดือน แผลต่างๆหายเกือบ 100% ความรู้สึกที่อวัยวะเพศกลับมาเป็นปกติหรือใกล้เคียง สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้
สรุป สามารถลุกเดินได้ ตั้งแต่วันที่ 2 แต่จะไม่สามารถเดินได้คล่องมากนัก เนื่องจากแผลยังไม่เข้าที่และยังไม่หาย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการฟื้นตัวของการผ่าตัดแปลงเพศ
- สุขภาพโดยรวมของคนไข้ผู้เข้ารับบริการ
ในผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ มักจะฟื้นตัวได้เร็วกว่า
- อายุ
คนไข้ผู้เข้ารับบริการที่มีอายุน้อยจะมีกระบวนการฟื้นตัวของร่างกายที่ดีกว่า จึงทำให้แผลหายเร็วกว่าผู้สูงอายุ
- การดูแลตนเองหลังผ่าตัด
ในผู้ที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์และผู้ดูแลอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการดูแลแผลอย่างดี การรับประทานยา การทำกายภาพบำบัด และการแยงโมลด์ขยายช่องคลอด dilation ส่งผลต่อการฟื้นตัวของแผลและร่างกายโดยรวม ทำให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้ดี
- ภาวะแทรกซ้อน
หากเกิดภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดแปลงเพศ เช่น เกิดการติดเชื้อ เลือดออกมาก หรือแผลสมานกันช้ากว่าปกติ อาจทำให้ระยะเวลาการฟื้นตัวยาวนานขึ้นแผลก็จะหายช้าลง
- สภาพจิตใจ
การมีสภาพจิตใจที่ดี มีความเครียดน้อย มีวิธีการจัดการกับความเครียดที่ดี รวมถึงในผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้าง จะทำให้ส่งผลดีต่อกระบวนการฟื้นตัว
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดแปลงเพศ
เพื่อให้การฟื้นตัวหลังการผ่าตัดแปลงเพศเป็นไปได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น การดูแลตัวเองนับเป็นสิ่งสำคัญอันดับที่ 1 จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ พักผ่อนจิตใจให้ไม่กังวล เป็นสิ่งที่ดีและยังทำให้ร่างกายได้ฟื้นฟูดีมากขึ้น
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลังทำการผ่าตัดควรเน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง วิตามิน และแร่ธาตุ เพื่อช่วยในการสมานแผลผ่าตัดและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ดียิ่งขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล ทำให้แผลสมานช้า จึงส่งผลให้แผลหายช้ากว่าปกติ
- ดูแลสุขอนามัยให้ดี ควรทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและแผลชื้นหายช้า
- ขยายช่องคลอดอย่างสม่ำเสมอ การขยายช่องคลอดมีความสำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับผลลัพธ์ในระยาวของการผ่าตัดแปลงเพศ โดยเฉพาะด้านการรักษาขนาดและความลึกของช่องคลอดที่สร้างขึ้นมาใหม่ ทำให้เวลามีกิจกรรมมีความสุขได้มากยิ่งขึ้น
- สังเกตอาการผิดปกติและปรึกษาศัลยแพทย์ผู้ดูแล หากมีอาการแปลกจากการผ่าตัดแปลงเพศเช่น มีไข้สูง ปวดแผลรุนแรงผิดปกติ เลือดที่แผลออกมากผิดปกติ แผลมีกลิ่นเหม็น หรือมีอาการอื่นๆ ที่น่ากังวล ควรรีบไปพบศัลยแพทย์ทันที
- ดูแลสุขภาพจิต การแปลงเพศเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจโดยตรง ควรหาทางผ่อนคลายความเครียด หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากรู้สึกวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือมีปัญหาในการปรับตัว
ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจผ่าตัดแปลงเพศ
การตัดสินใจผ่าตัดแปลงเพศเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต ควรพิจารณาความต้องการอย่างรอบคอบและเตรียมพร้อม
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญสหสาขาวิชาชีพ: ควรปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาที่มีความเชี่ยวชาญด้านบุคคลข้ามเพศ เพื่อประเมินความพร้อมทางจิตใจและให้คำแนะนำที่เหมาะสม รวมถึงศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
- ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด: ทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการผ่าตัด ประเภทการผ่าตัดที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเอง ศัลยแพทย์ โรงพยาบาล ค่าใช้จ่าย รวมถึงผลลัพธ์ที่คาดหวัง ความเสี่ยง และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
- ทำความเข้าใจกระบวนการทั้งหมด: การผ่าตัดแปลงเพศอาจไม่ใช่เพียงแค่การผ่าตัดครั้งเดียวจบ แต่อาจมีหลายขั้นตอนและต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวและการดูแลตนเองในระยะยาว
- เตรียมความพร้อมด้านการเงิน: ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดและการดูแลหลังการผ่าตัดอาจค่อนข้างสูง ควรวางแผนการเงินให้พร้อม
- การสนับสนุนจากคนรอบข้าง: การได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการฟื้นตัวทั้งทางกายและใจ

หลังผ่าตัดแปลงเพศกี่วันถึงเดินได้
โดยสรุปแล้ว คำถามที่ว่า “ผ่าตัดแปลงเพศกี่วันถึงเดินได้ปกติ” นั้นขึ้นอยู่กับชนิดและความซับซ้อนของการผ่าตัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังการผ่าตัดสร้างช่องคลอด (MTF) คนไข้ผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่จะสามารถเริ่มลุกเดินได้ภายใน 2-3 วันแรก ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคลและการดูแลตนเองหลังผ่าตัด การเตรียมพร้อมทั้งกายและใจ การปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัด หากคุณกำลังพิจารณาการผ่าตัดแปลงเพศ อย่าลังเลที่จะปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวคุณเอง

