การผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงเป็นศัลยกรรมที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ทั้งทางด้านความงามและการใช้ชีวิตเพื่อให้มีความใกล้เคียงกับอวัยวะเพศของเพศหญิงให้ได้มากที่สุด การผ่าตัดแปลงเพศมีด้วยกันหลายเทคนิค แต่ละเทคนิคมีความแตกต่างกันที่การเลือกใช้อวัยวะที่ทำเป็นช่องคลอด ผลลัพธ์ การใช้งาน และวัตถุประสงค์ของอวัยวะเพศใหม่ การตัดสินใจเลือกเทคนิคในการผ่าตัดแปลงเพศให้เหมาะสมกับความต้องการก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรตัดสินใจให้ดี เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนสูง ทั้งยังส่งผลต่อสภาพจิตใจได้ในอนาคต
สำหรับสาวข้ามเพศที่ต้องการมีเพศสภาพเป็นเพศหญิง แต่ไม่ได้ต้องการมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ช่องคลอด การแปลงเพศ “เทคนิค Zero Depth เป็นเทคนิคที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นเทคนิคที่สามารถสร้างอวัยวะเพศที่มีรูปลักษณ์ภายนอกแบบเพศหญิง โดยไม่สร้างช่องคลอดภายใน (vaginal canal) จึงทำให้ไม่มีความซับซ้อนทั้งในแง่ของการผ่าตัด และในแง่ของการดูแลหลังผ่าตัดแปลงเพศ

ทำความรู้จักการแปลงเพศ “เทคนิค Zero Depth”
การแปลงเพศเทคนิค Zero Depth Vaginoplasty หรืออาจเรียกว่า Non-penetrative Vaginoplasty มีความหมายตรงตัวว่า “ไม่มีความลึก”หากหมายถึงบริบทของการผ่าตัดแปลงเพศ ก็แปลได้ตรงตัวว่าเป็นการผ่าตัดแปลงเพศที่มีเพียงแค่อวัยวะภายนอกที่ไม่มีความลึกนั่นเอง
เทคนิคการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงโดย ไม่สร้างช่องคลอดภายใน ไม่มีโพรงของความลึกจึงทำให้สอดใส่ไม่ได้ ซึ่งแปลว่าไม่สามารถใช้อวัยวะเพศในการมีเพศสัมพันธ์ได้นั่นเอง โดยวัตถุประสงค์ในการแปลงเพศเทคนิค Zero Depth คนไข้ผู้เข้ารับบริการมักจะมีความต้องการเพียงแค่อวัยวะเพศที่มีลักษณะภายนอกแบบเดียวกับเพศหญิงที่สมจริง เช่น แคมใหญ่ แคมเล็ก คลิตอริส ปากช่องคลอด และรูเปิดของท่อปัสสาวะ แต่จะ ไม่มีการสร้างช่องคลอดภายใน เพื่อให้คนไข้ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันและแสดงออกในการเป็นเพศหญิงได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
แตกต่างจากการแปลงเพศเทคนิคอื่นๆที่ จะต้องการสร้างช่องคลอดที่มีความลึกประมาณ 12–15 เซนติเมตร โดยการใช้ผิวหนังจากอวัยวะเพศเดิม หรือเนื้อเยื่อจากบริเวณอื่น เช่น ลำไส้ ซึ่งต้องใช้เวลาผ่าตัดยาวนานมีขั้นตอนในการผ่าตัดที่ซับซ้อน ต้องดูแลหลังผ่าตัดอย่างละเอียดอ่อน และต่อเนื่อง
การผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth จึงเป็น ทางเลือกที่ไม่ซับซ้อนเหมาะกับผู้ที่ต้องการเพียงรูปลักษณ์ภายนอกให้เหมือนอวัยวะเพศหญิงจริงเท่านั้น
การผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth เป็นหนึ่งในแนวทางการผ่าตัดแปลงเพศที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะในโรงพยาบาลชั้นนำของสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งจะอยู่ภายใต้มาตรฐานการดูแลของ WPATH (World Professional Association for Transgender Health) เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับการประเมินทางกายและจิตใจอย่างเหมาะสมเป็นอย่างดีก่อนเข้ารับการผ่าตัด
องค์ประกอบของการแปลงเพศเทคนิค Zero Depth Vaginoplasty
ตามที่กล่าวข้างต้นว่าการผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth เป็นเทคนิคที่ไม่มีการทำให้ช่องคลอดมีความลึกภายใน ซึ่งง่ายในด้านการดูแลหลังผ่าตัด แต่ก็ยังเป็นการผ่าตัดแปลงเพศที่อาศัยความละเอียดสูงในทุกขั้นตอน เนื่องจากการจัดการเนื้อเยื่อ เส้นประสาท และเส้นเลือด เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนและแม่นยำจึงจะให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูสมจริงที่สุดทั้งยังคงความรู้สึกในการสัมผัสไว้ได้ โดยศัลยแพทย์จะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและการชำนาญ ในการผ่าตัด ดังนี้
1.การผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth ต้องคงไว้ซึ่งความรู้สึกของคลิตอริส
การผ่าตัดแปลงเพศสิ่งที่สำคัญและเป็นกังวลที่สุดของคนไข้ผู้เข้ารับบริการนั่น คือ เก็บรักษาเส้นประสาทรับความรู้สึกให้ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ โดยการแปลงเพศเทคนิค Zero Depth ศัลยแพทย์จะนำส่วนหนึ่งของปลายองคชาตที่มีเส้นประสาทหนาแน่น มาสร้างเป็น คลิตอริสเทียม หรือ neoclitoris จึงทำให้คนไข้ผู้เข้ารับบริการจะยังสามารถมีประสาทสัมผัสที่ดีอย่างเดิม ทำให้คนไข้ผู้เข้ารับบริการจะสามารถรับรู้ความรู้สึกทางเพศได้ตามธรรมชาติ ในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่มีช่องคลอดก็ตาม
2. การผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth จะต้องสร้างท่อปัสสาวะใหม่
เนื่องจากท่อปัสสาวะที่มีอยู่เดิมของเพศชายจะถูกตัดและจัดรูปแบบขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เปิดออกที่ตำแหน่งปากช่องคลอดทำให้คนไข้ผู้เข้ารับบริการสามารถปัสสาวะได้ในท่านั่งเหมือนกันกับเพศหญิงตามปกติ การวางตำแหน่งของท่อปัสสาวะนี้จะต้องอาศัยความแม่นยำสูง เพื่อป้องกันภาวะปัสสาวะกระเซ็นหรือปัสสาวะไม่ตรง
3. การผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth จะต้องออกแบบรูปร่างภายนอก
รูปลักษณ์ของอวัยวะเพศที่สร้างขึ้นมาใหม่ ในส่วนของภายนอกถือเป็นจุดสำคัญมากๆในการช่วยเสริมความมั่นใจให้กับคนไข้ผู้เข้ารับบริการหลังผ่าตัดแปลงเพศ ในการแปลงเพศเทคนิค Zero Depth ศัลยแพทย์จะปรับสัดส่วนของแคมใหญ่ แคมเล็ก และตำแหน่งของคลิตอริสให้ใกล้เคียงกับกายวิภาคของเพศหญิงให้ได้มากที่สุด โดยพิจารณาจากขนาดของถุงอัณฑะเดิมของคนไข้ผู้เข้ารับบริการและความยืดหยุ่นของผิวหนังที่มีอยู่เดิม

ทำไมถึงต้องแปลงเทคนิค Zero Depth
การเลือกเทคนิคในการแปลงเพศ ขึ้นอยู่กับความต้องการ ความชอบส่วนบุคคล และการใช้ชีวิต ทำไมต้องแปลงเพศเทคนิค Zero Depth มีเหตุผลดังนี้
- การแปลงเพศเทคนิค Zero Depth เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่
สาวข้ามเพศมีจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่ตรงกับอัตลักษณ์ทางเพศเท่านั้น หรือในกลุ่ม Non-binary ที่ต้องการเพียงรูปลักษณ์ภายนอกแบบหญิง โดยไม่จำเป็นต้องมีช่องคลอดสำหรับกิจกรรมทางเพศ หรือไม่ได้ชื่นชอบในการทำกิจกรรมทางเพศ
- การแปลงเพศเทคนิค Zero Depth ช่วยลดความซับซ้อนขั้นตอนในการการผ่าตัด
เนื่องจาก การแปลงเพศเทคนิค Zero Depth ไม่ต้องสร้างโพรงช่องคลอด จึงทำให้การผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth นั้นใช้เวลาสั้นกว่าการแปลงเพศเทคนิคอื่นๆ ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน และฟื้นตัวเร็วกว่า
- การแปลงเพศเทคนิค Zero Depth ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนระยะยาว
ภาวะแทรกซ้อนระยะยาว เช่น การติดเชื้อ การตีบของช่องคลอด ตกขาว กลิ่นจากภายใน หรือการต้องขยายช่องคลอดด้วยเครื่องมือ (dilation) อย่างต่อเนื่อง หากทำเทคนิค Zero Depth ก็จะสามารถคลายกังวลเรื่องนี้ไปได้
- การแปลงเพศเทคนิค Zero Depth เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ
ในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเช่น ผู้ที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณอุ้งเชิงกรานมาก่อน หรือผู้ที่มีภาวะที่ไม่สามารถสร้างโพรงช่องคลอดได้อย่างปลอดภัยการแปลงเพศเทคนิค Zero Depth จะช่วยลดอันตราย และยังทำให้ลดความกังวลด้านการแปลงเพศได้
- การแปลงเพศเทคนิค Zero Depth เหมาะสำหรับผู้ไม่มีเวลาพักฟื้น และไม่ต้องการดูแลมากนัก
ในผู้ที่มีความกังวลในเรื่องความละเอียดละออของตัวเอง ไม่มั่นใจว่าจะดูแลแผลได้ดีไหม และผู้ที่ไม่มีเวลาในการพักฟื้น เช่น ทำงาน ลาไม่ได้ เป็นต้น
ขั้นตอนการผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth
เทคนิคนี้จะไม่สร้างช่องคลอดภายใน แต่ในกระบวนการผ่าตัดศัลยกรรมนั้นยังคงต้องใช้ความละเอียดและความชำนาญสูง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์พี่พึงพอใจมีความใกล้เคียงกับอวัยวะเพศหญิงตามธรรมชาติให้ได้มากที่สุด การผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth มีขั้นตอนดังนี้
1. เตรียมตัวและการประเมินสุขภาพก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- เข้ารับการตรวจสุขภาพร่างกายโดยละเอียด รวมถึงระบบหัวใจ ปอด และฮอร์โมน
- เข้ารับประเมินสภาพจิตใจ และการตระหนักรู้ทางเพศโดยจิตแพทย์ (ตามมาตรฐาน WPATH)
- ควรหยุดรับฮอร์โมนเพศหญิงก่อนผ่าตัดประมาณ 2-4สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดระหว่างการผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- เข้าพบศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางแปลงเพศ เพื่อวางแผนการแปลงเพศ ตำแหน่งแผลและลักษณะของอวัยวะเพศที่จะสร้าง
- งดรับประทานอาหารเสริมและวิตามิน
- งดรับประทานอาหารและน้ำก่อนเข้าห้องผ่าตัด 8 ชั่วโมง
2. การดมยาสลบและเตรียมผ่าตัด
- วิสัญญีแพทย์ให้ดมยาสลบ
- ดำเนินการผ่าตัดแปลงเพศภายใต้การดมยาสลบ
3. ขั้นตอนการสร้างอวัยวะเพศหญิงภายนอก
- ในขั้นตอนการผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดบนพื้นฐานของความละเอียดอ่อนและพิถีพิถัน เพื่อสร้างอวัยวะเพศหญิงขึ้นมาใหม่ที่ภายนอกที่มีรูปลักษณ์เป็นธรรมชาติเหมือนของเพศหญิงจริง และมีความกลมกลืนกับสรีระร่างกายเดิม
- โดยเริ่มจากการ ตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายออก เพื่อเก็บเนื้อเยื่อส่วนนี้ไว้ใช้ในการสร้างแคมเล็ก (labia minora) ซึ่งขั้นตอนนี้จะต้องอาศัยความประณีตสูง เนื่องจากบริเวณผิวหนังดังกล่าวมีความบางและละเอียดอ่อนสูง
- จากนั้น ศัลยแพทย์จะทำการลดขนาดและจัดตำแหน่งขององคชาตใหม่ โดยจะนำส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อส่วนปลายองคชาตที่มีเส้นประสาทที่ทำหน้าที่ในการรับความรู้สึกต่างๆ มาสร้างเป็น คลิตอริส (clitoris) ที่สามารถรับความรู้สึกได้ตามธรรมชาติ
- เส้นประสาทเดิมจะถูกเชื่อมต่อเป็นอย่างดี เพื่อคงไว้ซึ่งความไวและการตอบสนองทางเพศที่คงเดิม
- ศัลยแพทย์จะนำผิวหนังบริเวณถุงอัณฑะซึ่งมีความยืดหยุ่นและเนื้อสัมผัสคล้ายผิวหนังส่วนแคมใหญ่ของเพศหญิง มาขึ้นรูปเป็นแคมใหญ่โดยจะต้องให้มีความโค้งมนเหมือนอวัยวะเพศหญิงตามธรรมชาตินั่นเอง
- ขั้นตอนสุดท้ายคือการปิดบริเวณทางเข้าช่องคลอด โดยศัลยแพทย์จะตกแต่งให้มีลักษณะรูเปิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้นตามลักษณะกายวิภาคของเพศหญิง ถึงแม้ว่าเทคนิค Zero Depth จะไม่ต้องสร้างโพรงช่องคลอดภายใน แต่รูปร่างภายนอกที่ได้จะดูสมจริงและมีความสวยงาม
4. ขั้นตอนการเย็บปิดแผลและตกแต่ง
- ศัลยแพทย์จะเย็บแผลอย่างประณีตบรรจง เพื่อให้ซ่อนรอยต่อต่างๆของผิวหนัง
- จะมีการใส่ท่อปัสสาวะชั่วคราวประมาณ 5–7 วันหลังผ่าตัด
- ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ระยะพักฟื้นหลังผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth
หลังผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth ช่วง 1–2 สัปดาห์แรก
- คนไข้ผู้เข้ารับบริการจะยังคงพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 3–7 วัน
- ควรหลีกเลี่ยงการนั่งทับแผลโดยตรง
- ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือและใช้ยาฆ่าเชื้อตามคำแนะนำศัลยแพทย์
หลังผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth ช่วง 1–3 เดือน
- แผลภายนอกเริ่มหายดี รูปร่างของอวัยวะเพศจะเริ่มคงที่
- สามารถทำงานเบา ๆ ได้ภายใน 3–4 สัปดาห์
- งดออกกำลังกายหนักและงดเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 3 เดือน
หลังผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth ระยะยาว
- ศัลยแพทย์จะตรวจสอบการสมานของแผล ความสมมาตรของอวัยวะเพศใหม่ และความไวต่อการสัมผัสของคลิตอริส
- หากต้องการปรับแต่งรูปทรงเพิ่มเติม หรือมีความกังวลและต้องการปรับแต่งใหม่สามารถทำได้หลังจากแผลหายดีประมาณ 6 เดือนขึ้นไป
การดูแลหลังผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth
- รักษาความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัดอย่างสม่ำเสมอ
- ควรสวมชุดชั้นในที่ไม่รัดแน่นเพื่อป้องกันการอักเสบของแผลผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงการขับรถหรือออกกำลังกายหนักในช่วง 4 สัปดาห์แรก
- รับประทานยาปฏิชีวนะและยาแก้ปวดตามที่ศัลยแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- พบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อประเมิน แผลและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
การดูแลทางจิตใจ
การผ่าตัดแปลงเพศนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของสาวข้ามเพศ คนไข้ผู้เข้ารับบริการควรเข้ารับการดูแลทางด้านจิตใจและคำปรึกษาอย่างถูกต้อง หมั่นสังเกต และตรวจเช็กสภาพอารมณ์ สภาพจิตใจอย่างละเอียด เพื่อปรับตัวทางอารมณ์และสังคมหลังผ่าตัดแปลงเพศ

ข้อดีของการผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth
- ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
เนื่องจากการผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth นั้นไม่ต้องสร้างช่องคลอด จึงไม่มีปัญหาการติดเชื้อหรือการตีบของช่องคลอด ทั้งยังลดปัญหาการสะสมของสิ่งตกค้างอีกด้วย
- ใช้เวลาผ่าตัดที่สั้นกว่าเทคนิคอื่นๆ
โดยทั่วไปการผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth จะใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมง แต่เทคนิคอื่นๆจะใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงโดยประมาณ
- ไม่ต้องขยายช่องคลอด (แยงโมลด์)
การขยายช่องคลอด(แยงโมลด์)เป็นขั้นตอนที่คนไข้ผู้เข้ารับบริการหลายคนไม่สะดวกในการต้องทำตลอด หรือทำสม่ำเสมอ บางคนกลัวเจ็บ กังวล หากทำการแปลงเพศด้วยเทคนิค Zero Depth จะสามารถลดปัญหาข้อนี้ได้
- พักฟื้นเร็ว ใช้ชีวิตได้ตามปกติไวกว่า
เนื่องจากเป็นการแปลงเพศที่ไม่มีอวัยวะส่วนอื่นที่ซับซ้อน ไม่มีความลึก แผลน้อยกว่าการแปลงเพศเทคนิคอื่นๆ จึงทำให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่า

ข้อจำกัดของการแปลงเพศเทคนิค Zero Depth
- จะไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ได้ เนื่องจากการแปลงเพศด้วยเทคนิค Zero Depth จะไม่มีโพรงช่องคลอดภายใน
- คนไข้ผู้เข้ารับบริการที่ทำเทคนิคนี้จะไม่สามารถตรวจภายในทางนรีเวชได้ตามปกติ
- หากตัดสินใจไม่ดีตั้งแต่แรกอาจต้องทำการผ่าตัดแปลงเพศซ้ำหากคนไข้ผู้เข้ารับบริการต้องการเพิ่มความลึกของช่องคลอดในอนาคต ซึ่งจะต้องใช้เทคนิคและการดูแลที่ซับซ้อนกว่า
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ของการแปลงเพศเทคนิค Zero Depth
แม้การแปลงเทคนิค Zero Depth จะถือว่าเสี่ยงอันตรายและภาวะแทรกซ้อนน้อย แต่การผ่าตัดทุกชนิดย่อมมีความเสี่ยง และผู้ป่วยควรทราบถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น
- เกิดแผลติดเชื้อหรือบวมช้ำ มักเกิดในสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด หากดูแลความสะอาดไม่ดี
- เกิดอาการแผลแยกหรือรอยเย็บแตก กรณีนี้พบได้น้อย แต่หากนั่งหรือเคลื่อนไหวมากเกินไปในช่วงระยะแรกหลังการผ่าตัดก็สามารถเกิดขึ้นได้
- ปัสสาวะไม่ตรงหรือมีการกระเซ็นควรปรึกษาศัลยแพทย์ กรณีนี้มักแก้ไขได้ด้วยการปรับตำแหน่งท่อปัสสาวะ
- แผลเป็นนูนหรือรอยแดงบริเวณแคมใหญ่ สามารถลดลงได้ด้วยการนวดและทายา
- การสูญเสียความรู้สึกบางส่วนที่คลิตอริส กรณีนี้จะพบได้น้อยมาก หากมีการดูแลและผ่าตัดโดยแพทย์เฉพาะทางที่ผ่านการทำเคสมาแล้วมากๆ
โดยทั่วไปแล้ว อัตราความพึงพอใจของผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดเทคนิคนี้สูงกว่า 95% เมื่อเทียบกับเทคนิคแบบเต็มโพรงที่มีภาระการดูแลหลังผ่าตัดมากกว่า

ผลลัพธ์ที่ผู้เข้ารับบริการมักจะคาดหวังหลังผ่าตัดแปลงเพศเทคนิค Zero Depth
หลังการผ่าตัดแปลงเพศเมื่อแผลหายดีแล้ว จะได้อวัยวะเพศหญิงภายนอกที่แลดูเป็นธรรมชาติ สามารถปัสสาวะได้ในท่านั่งเหมือนเพศหญิงทั่วไป และมีความไวสัมผัสที่คลิตอริสซึ่งช่วยให้เกิดความพึงพอใจทางเพศในบางรูปแบบได้ แม้จะไม่มีช่องคลอดภายในก็ตาม โดยทั่วไปจะความพึงพอใจสูงในด้านรูปลักษณ์ ความมั่นใจในตัวเอง มากขึ้น
-
ความมั่นใจในรูปร่างและความเป็นตัวเอง
ช่วยให้สามารถใช้ชีวิตในฐานะเพศหญิงได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งการแต่งกาย การใช้ห้องน้ำ หรือการอยู่ในสังคม โดยไม่ต้องกังวลว่ารูปร่างภายนอกจะขัดกับอัตลักษณ์ของตนเอง
-
การลดความเครียดทางจิตใจ
สาวข้ามเพศหลายคน ที่มีความเครียดที่สภาพร่างกายไม่สอดคล้องกับความต้องการทำให้เครียด กังวล หรือเกลียดตัวเอง การผ่าตัดแปลงเพศจะ ช่วยลดความวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือภาวะเครียดที่มักเกิดกับผู้หญิงข้ามเพศก่อนผ่าตัดได้อย่างชัดเจน
-
ความสัมพันธ์กับผู้อื่น
ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ได้ แต่รู้สึกมั่นใจในตัวเองขึ้นมากกว่าเดิม และสามารถเปิดเผยอัตลักษณ์ความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทำให้เข้าหาคนได้ดีมากขึ้น
การเลือกสถานพยาบาลในการผ่าตัดแปลงเพศ
เนื่องจากการผ่าตัดแปลงเพศเป็นการผ่าตัดใหญ่และส่งผลต่อการใช้ชีวิตในระยะยาว การเลือกศัลยแพทย์และสถานพยาบาลจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยควรพิจารณาดังนี้
- ศัลยแพทย์ต้องเป็นศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านในการผ่าตัดแปลงเพศ และมีประสบการณ์ในการทำแปลงเพศเทคนิค Zero Depth
- สถานพยาบาลต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน เช่น มีห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ เครื่องมือครบถ้วน และทีมดูแลหลังผ่าตัด
- มีทีมสหสาขาวิชาชีพครบถ้วน ได้แก่ ศัลยแพทย์ตกแต่ง, วิสัญญีแพทย์, พยาบาล ซึ่งร่วมกันประเมินความพร้อมของผู้ป่วยอย่างครบถ้วนในทุกด้าน
- มีบริการติดตามผลระยะยาว เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ในการแปลงเพศเป็นไปตามความต้องการและไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ ควรไตร่ตรองอย่างละเอียด ควรปรึกษาศัลยแพทย์เฉพาะด้านศัลยกรรมแปลงเพศร่วมด้วย บอกรายละเอียดและความต้องการอย่างชัดเจน เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาอย่างละเอียดและถูกต้องตามความเหมาะสม เพราะการแปลงเพศไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังเกี่ยวข้องกับสุขภาพกาย จิตใจ และคุณภาพชีวิตในระยะยาว

