เป็นตัวเองในเวอร์ชัน ที่ใช่”จากภายในสู่ภายนอก เพราะใครๆก็อยากเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุดกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย การได้เป็นตัวเอง และการแสดงออกถึงตัวตนอย่างเต็มที่ ก็นับว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งในการดำเนินชีวิตเช่นกัน เช่นเดียวกันกับสาวข้ามเพศหลายๆท่าน ที่รู้สึกว่าในบางที การที่เรามีสิ่งที่เราไม่ได้ต้องการอยู่ในร่างกาย นั้นทำให้เราไม่มีความสุข หรือมีความสุขน้อยลง การผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดของสาวข้ามเพศหลายๆคน ที่ได้เปิดเผยความเป็นหญิงในตัวเองได้อย่างเต็มที่สักที
เพราะว่าบางทีความสุขของพวกเธอนั้นเป็นแค่เพียงการที่ได้แต่งตัวตามต้องการ แต่งหน้า ทำผม รวมถึงใช้ชีวิตกับคนรอบข้างอย่างมีความสุข และที่สำคัญที่สุดคือการได้รับการยอมรับ ไม่ใช่เพียงแค่จากเพศสภาพ แต่เป็นการยอมรับในสิ่งที่พวกเธอเป็นให้ได้มากที่สุด
การผ่าตัดแปลงเพศจึงเป็นสิ่งที่มากกว่าการศัลยกรรมความงามแต่เป็นการเปลี่ยนชีวิตให้กับเธอพวกนั้นนั่นเอง

ผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศที่ APS CLINIC แตกต่างจากที่อื่นอย่างไร
ที่ APS CLINIC มีศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญการในด้านการผ่าตัดแปลงเพศผ่าตัดขั้นสูงด้วยประสบการณ์ในการเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง ยาวนานกว่า 10 ปี สามารถทำการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนได้เป็นอย่างดี มีความละเอียดรอบคอบเนื่องจากความซับซ้อนของการผ่าตัดแปลงเพศนั้นมีมากกว่าการทำศัลยกรรมชนิดอื่นๆมาก จึงต้องใช้ความรู้ ความชำนาญเป็นอย่างมากเพื่อให้อวัยเพศที่ทำการผ่าตัดนั้นมีความ สมจริงที่สุด ทำให้คนไข้ผู้เข้ารับบริการมีความภูมิใจในเพศของตนอย่างมากที่สุดนั่นเอง
นอกจากนั้นคุณหมอเอ๋ พญ.ภัทร์วิรา ภัทรเจียรพันธุ์ แห่งAPS CLINIC ยังให้บริการผ่าตัดแปลงเพศมาเป็นระยะเวลานาน ผ่านการบริการผ่าตัดแปลงเพศมาหลากหลายเคสจนนับไม่ถ้วน จึงทำให้มีความเข้าใจ กลุ่มคนไข้ผู้เข้ารับบริการที่มีความต้องการที่หลากหลายและแตกต่างกันออกไป และคำนึงถึงความพอใจของคนไข้ผู้รับบริการเป็นพิเศษ รวมทั้งยังพร้อมออกแบบ รูปทรง รูปร่างและให้คำปรึกษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปลักษณ์ของอวัยะเพศใหม่ของคนไข้ผู้เข้ารับบริการที่ดีที่สุด”เพื่อเติมเต็มสิ่งที่คุณปรารถนา อย่างมั่นใจ เปลี่ยนเพศให้ตรงใจในแบบที่คุณต้องการ
ในการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศจากชายเป็นหญิงสิ่งที่สำคัญควรคำนึงถึงที่สุด
ประกอบด้วย
รูปลักษณ์ภายนอกของอวัยวะ (AESTHETICS)
- จะต้องมีความสวยงาม ดูละมุน น่าทะนุถนอมและต้องทำให้เหมือนจริงให้ได้มากที่สุด ซึ่งมีรายละเอียดและขั้นตอนในการผ่าตัดที่ซับซ้อนมาก
องค์ประกอบทางกายวิภาค (COMPONENTS)
- เมื่อแปลงเพศแล้ว ไม่เพียงแค่ตัดอวัยวะเพศชายออกเท่านั้น จะต้องมีการตกแต่งให้มีองค์ประกอบต่างๆครบถ้วนไม่ต่างจากผู้หญิงจริงๆ
ความลึก (DEPTH)
- เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน เพื่อให้ได้มาตรฐานที่สามารถมอบความสุขให้ทั้งกับคนไข้ผู้เข้ารับบริการ และคนรักได้มากที่สุด
สัมผัสความรู้สึกพิเศษ (FEELINGS)
- รับรู้ความรู้สึกในการใช้งานและต้องมีความสุขที่สุดเมื่อถึงจุดสุดยอดระหว่างทางและขณะเสร็จกิจได้อย่างเต็มที่ที่สุด
การผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศจากชายเป็นหญิง จะต้องทำผ่าตัดและการตกแต่งด้วยกัน 3 ส่วน อันประกอบด้วย
- การผ่าตัดอัณฑะ (Orchidectomy)
เป็นการผ่าตัดเพื่อนำความเป็นชายที่เป็นเพศเดิมออก เพื่อเปลี่ยนชีวิตและพร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่อย่างเต็มตัว
- การผ่าตัดสร้างช่องคลอด (Vaginoplasty)
เพื่อการใช้ชีวิต การใช้งานที่สมจริงที่สุด
- การผ่าตัดเพื่อตกแต่งอวัยวะภายนอก (Labiaplasty)
เพื่อความสวยงาม และความภาคภูมิใจในการเป็นคนใหม่ มีอวัยวะเพศใหม่ที่สามารถเลือกได้เอง
รวมเทคนิคยอดฮิตของการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศของ APS Clinic

- ผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อกราฟ (Penile Skin Inversion with/without Scrotal Skin Graft)
การศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อกราฟ เป็นวิธีการแปลงเพศที่เป็นเทคนิคมาตรฐาน มีความเสี่ยงต่ำ เมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆและยังเป็นวิธีที่มีความซับซ้อนไม่มาก แต่จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกับแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะทางโดยเฉพาะจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ช่วยให้ช่องคลอดมีความลึกได้มากขึ้นโดยการใช้ส่วนผิวหนังของอวัยวะเพศเดิมในการสร้างช่องคลอดขึ้นมาใหม่ โดยเทคนิคนี้ไม่ต้องผ่าตัดช่องท้อง และความลึกของช่องคลอดจะขึ้นอยู่กับสรีระของอุ้งเชิงกรานของคนไข้ผู้เข้ารับบริการเดิมเป็นหลัก ปกติแล้วช่องคลอดจากการทำการศัลยกรรมผ่าตัดแปลงเพศเทคนิคต่อกราฟจะอยู่ที่ 6 นิ้ว
ข้อดีของการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อกราฟ
- เป็นเทคนิคศัลยกรรมแปลงเพศที่ไม่ใช่การผ่าตัดไม่ซับซ้อน
- ภาวะแทรกซ้อนในการผ่าตัดต่ำ
- เป็นเทคนิคศัลยกรรมแปลงเพศที่ไม่รบกวนอวัยวะข้างเคียง
- เป็นการผ่าตัดที่ไม่ต้องผ่าตัดเข้าทางช่องท้อง
- เป็นการผ่าตัดที่ใช้เนื้อเยื่อบริเวณอวัยวะเพศเดิมของคนไข้ผู้เข้ารับบริการได้อย่างเป็นประโยชน์มาก
ข้อควรระวังของการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อกราฟ
- คนไข้ผู้เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อกราฟจะต้องขยายช่องคลอดเทียม หรือการแยงโมอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของคุณหมอเพื่อป้องกันอาการช่องคลอดตื้นและตีบตันในอนาคต
- หลังทำการศัลยกรรมแปลงเพศจำเป็นจะต้องใช้สารหล่อลื่นทุกครั้งในเวลาที่มีเพศสัมพันธ์

- ผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อลำไส้ (Colon)
เป็นเทคนิคที่เหมาะทั้งกับผู้ที่ทำการแปลงเพศครั้งแรก และผู้ที่เคยผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศมาแล้วแต่ต้องการแก้ปัญหาช่องคลอดตีบตันหรือต้องการเพิ่มความลึกของช่องคลอดเพิ่มจากเดิม โดยวิธีนี้คุณหมอจะทำการผ่าตัดช่องท้องด้วยวิธีการส่องกล้อง และนำลำไส้ใหญ่ในความยาวประมาณ 7-8 นิ้ว เพื่อมาสร้างในส่วนของผนังช่องคลอดซึ่งจะให้ความรู้สึกเหมือนผนังช่องคลอดธรรมชาติ
การศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อลำไส้ จะต้องใช้ทีมแพทย์เฉพาะทางในการร่วมมือผ่าตัดถึง 3 ทีม อันประกอบไปด้วย
- วิสัญญีแพทย์ ทำหน้าที่ในการดมยาสลบ โดยเฉพาะเพื่อความปลอดภัยของคนไข้ผู้เข้ารับบริการ
- แพทย์ต่อลำไส้ ในการตัดและต่อลำไส้ในการทำให้เป็นช่องคลอด
- ศัลยแพทย์ผู้ตกแต่งให้อวัยวะเพศมีความสวยงามสมจริง
การศัลยกรรมแปลงเพศด้วยเทคนิคต่อลำไส้ ต่อครั้งจะใช้ระยะเวลาให้การผ่าตัด 6-7 ชั่วโมง เนื่องจากมีรายละเอียดหลายขั้นตอน และแต่ละขั้นตอนมีความซับซ้อน โดยภาพลักษณ์ของอวัยวะเพศภายนอกของการผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันกับการศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อกราฟ ทุกประการ จะแตกต่างกันที่ภายในช่องคลอด
ข้อดีของการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อลำไส้
- การผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อลำไส้จะทำให้ผิวภายในช่องคลอดมีลักษณะคล้ายเนื้อเยื่อของช่องคลอดจริง
- การผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อลำไส้เป็นเทคนิคที่ช่วยลดการเกิดภาวะช่องคลอดตีบตันแทรกซ้อน
- การผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อลำไส้เป็นเทคนิคที่ทำให้คนไข้ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องใช้สารหล่อลื่นในขณะมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากเนื้อเยื่อจากลำไส้ที่นำมาใช้จะสามารถผลิตเมือก ลื่นๆได้เองตามธรรมชาติ
ข้อควรระวังของการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อลำไส้
- การศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อลำไส้จะทำให้มีแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้องเพิ่มเติม เนื่องจากต้องทำการผ่าตัดต่อลำไส้ก่อนที่จะทำการแปลงเพศ
- ศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อลำไส้เป็นเทคนิคที่อาจทำให้ต้องพักฟื้นนานเนื่องจากมีแผลที่มากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับร่างกายของคนไข้ผู้เข้ารับบริการด้วย
- ในผู้ป่วยที่เป็นโรคลำไส้ หรือมีอาการเกี่ยวกับลำไส้ อาจไม่เหมาะสมที่จะผ่าตัดแปลงเพศด้วยเทคนิคนี้
- เทคนิคนี้อาจก่อให้เกิดพังผืดขึ้นภายในช่องท้องและอาจทำให้เกิดภาวะลำไส้อุดตันร่วมด้วยได้
- หากในการรักษานั้นมีการรั่วของรอยต่อลำไส้เกิดขึ้น จะทำให้กลายเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ในการรักษา
2.1 ผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิค Colon Vaginoplasty
เป็นการตัดศัลยกรรมแปลงเพศโดยวิธีการที่ใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของลำไส้ใหญ่ (colon) ในการสร้างช่องคลอด ซึ่งจะใช้เทคนิคการส่องกล้องในการทำเพื่อความแม่นยำและลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อที่ทำการผ่าตัด จะมีแแผลที่บริเวณหน้าท้อง
ข้อดีของผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิค Colon Vaginoplasty
- ให้ผลลัพธ์ที่มีความเป็นธรรมชาติ เนื่องจากเป็นการใช้เนื้อเยื่อภายในของร่างกายของผู้เข้ารับบริการเอง
- ช่องคลอดที่ทำการผ่าตัดสร้างขึ้นจะสามารถผลิตของเหลวเพื่อหล่อลื่นในขณะมีเพศสัมพันธ์ได้ตามธรรมชาติได้
- การใช้เนื้อเยื่อของร่างกายเองจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดการตอบสนองของร่างกายต่อสิ่งแปลกปลอม

ข้อควรระวังของการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิค Colon Vaginoplasty
- เป็นเทคนิคที่ฃผู้ป่วยที่เป็นโรคลำไส้ หรือมีอาการเกี่ยวกับลำไส้ อาจไม่เหมาะสมที่จะผ่าตัดแปลงเพศด้วยเทคนิคนี้
- เทคนิคนี้อาจก่อให้เกิดพังผืดขึ้นภายในช่องท้องและอาจทำให้เกิดภาวะลำไส้อุดตันร่วมด้วยได้
- หากในการรักษานั้นมีการรั่วของรอยต่อลำไส้เกิดขึ้น จะทำให้กลายเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ในการรักษา
- อาจมีราคาสูงกว่าเทคนิคปกติ
2.2 เทคนิคการผ่าตัดที่ใช้กล้องส่องเข้าไปในช่องท้องเพื่อลดแผลเป็นและการบาดเจ็บ
Colon Laparoscope (ผ่าตัดผ่านกล้อง)
การผ่าตัดลำไส้ใหญ่ผ่านกล้อง เป็นเทคนิคการผ่าตัดสมัยใหม่ที่ใช้กล้องขนาดเล็กสอดผ่านแผลผ่าตัดขนาดเล็กบริเวณช่องท้อง เพื่อเข้าถึงอวัยวะภายในโดยตรง ช่วยลดขนาดของบาดแผลภายนอก ลดความบอบช้ำของเนื้อเยื่อ ฟื้นตัวเร็ว และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนเมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิด
ข้อดีของการผ่าตัดผ่านกล้อง (Colon Laparoscope)
- แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ใช้แผลเพียงไม่กี่มิลลิเมตร ลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อและลดรอยแผลเป็นหลังผ่าตัด
- ลดความเจ็บปวดหลังผ่าตัด เนื่องจากแผลมีขนาดเล็ก การบาดเจ็บต่อกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบข้างจึงน้อย ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
- ฟื้นตัวได้เร็ว สามารถลุกเดินได้เร็วภายใน 1-2 วัน และกลับไปใช้ชีวิตประจำวันหรือทำงานได้เร็วขึ้น
- ลดระยะเวลานอนโรงพยาบาล โดยทั่วไปผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ในระยะเวลาอันสั้น ลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงจากการนอนโรงพยาบาลนาน
- ลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อบริเวณแผล การเกิดลิ่มเลือด หรือภาวะลำไส้ติดกัน
- เห็นภาพภายในช่องท้องได้ชัดเจนกล้องที่ใช้มีความละเอียดสูง ทำให้ศัลยแพทย์สามารถมองเห็นอวัยวะภายในได้อย่างชัดเจน และทำการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ
ข้อควรระวังของการผ่าตัดผ่านกล้อง (Colon Laparoscope)
- อาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยบางราย ผู้ที่มีพังผืดในช่องท้องจากการผ่าตัดครั้งก่อน หรือมีภาวะอ้วนมาก อาจทำให้การผ่าตัดผ่านกล้องทำได้ยากและเสี่ยงสูง
- มีโอกาสต้องเปลี่ยนเป็นการผ่าตัดแบบเปิด ในบางกรณีที่พบภาวะแทรกซ้อนหรืออุปสรรคในการผ่าตัด แพทย์อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้การผ่าตัดแบบเปิดทันที
- เสี่ยงต่อการบาดเจ็บของอวัยวะข้างเคียง เช่น ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ หรือเส้นเลือด หากอุปกรณ์ส่องกล้องไปกระทบโดยไม่ได้ตั้งใจ
- ต้องทำโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากเป็นหัตถการที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะด้านสูง ความชำนาญของศัลยแพทย์จึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษา
- มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผ่าตัดแบบทั่วไป อุปกรณ์ที่ใช้และความซับซ้อนของเทคนิคอาจทำให้ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น
- ภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

ผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อเยื่อบุช่องท้อง (Peritoneum Vaginoplasty PPV)
เป็นเทคนิคการศัลยกรรมแปลงเพศที่จะช่วยทำให้ช่องคลอดลึกและมีน้ำหล่อลื่นได้มากกว่าเทคนิคอื่นๆ โดยการศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคนี้คุณหมอจะใช้เนื้อเยื่อบุบริเวณช่องท้องในการนำมาสร้าง ให้เกิดช่องคลอดขึ้นมาใหม่ด้านหน้า และใช้ส่วนผิวหนังของอวัยวะเพศเดิม มาเย็บเชื่อมต่อให้เข้ากันกับเยื่อบุของช่องทางที่ยึดจากด้านใน จึงส่งผลให้ได้ช่องคลอดที่มีความเรียบ ลื่น ในบางรายอาจสามารถผลิตสารหล่อลื่นได้เองในขณะทำการร่วมรักอีกด้วย
โดยการศัลยกรรมแปลงเพศทุกเทคนิคมีข้อดี และผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป สามารถปรึกษาคุณหมอผู้ที่มีความเชี่ยวชาญก่อนเข้าทำการศัลยกรรมแปลงเพศเพื่อประเมินการผ่าตัด และเลือกผ่าตัดเทคนิคที่เหมาะสมกับความต้องการ รู้แบบการใช้งานและการใช้ชีวิตของคนไข้ผู้เข้ารับบริการให้ได้มากที่สุด
ข้อดีของการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อเยื่อบุช่องท้อง
- เป็นเทคนิคการศัลยกรรมแปลงเพศที่ทำให้ช่องคลอดมีความลึกได้มากที่สุดใกล้เคียงกับแบบองคชาตม้วนกลับหรืออาจทำให้ลึกได้มากกว่า
- เป็นเทคนิคการผ่าตัดแปลงเพศที่ทำให้ร่างกายอาจผลิตน้ำหล่อลื่นเองได้บ้างในปริมาณที่น้อย
- สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ แต่ต้องใช้สารหล่อลื่นเป็นตัวช่วยในการมีเพศสัมพันธ์
- เป็นเทคนิคที่ไม่ทำให้เกิดรอยต่อที่ลำไส้เป็นตัวการของภาวะแทรกซ้อนขั้นรุนแรงหากลำไส้มีการแตกรั่ว
- เป็นเทคนิคที่ต้องขยายช่องคลอดด้วยตนเอง
ข้อควรระวังของการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคต่อเยื่อบุช่องท้อง
- เทคนิคนี้อาจทำให้เกิดพังผืดจากการผ่าตัดทางช่องท้องได้
- รอยต่อที่บริเวณเยื่อบุช่องท้องอาจเกิดการตีบตันได้หาก ทำการขยายได้ไม่ดีเท่าที่ควร
- เป็นเทคนิคที่ใช้ระยะเวลาพักฟื้นหลังการผ่าตัดแปลงเพศนาน

- ผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิค Zero Depth Vaginoplasty
เป็นวิธีการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคที่ออกแบบมาเพื่อสร้างช่องคลอดให้กับผู้ที่ต้องการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง สำหรับการสร้างช่องคลอดที่มีความไม่ลึก โดยการผ่าตัดจะทำการสร้างรูปลักษณ์ของช่องคลอดเพียงเท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้คนไข้ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องเสี่ยงในการดูแลรักษาช่องคลอดลึก เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส แต่ต้องการมีอวัยวะเพศแบบผู้หญิงเท่านั้น
ข้อดีของผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิค Zero Depth Vaginoplasty
- เป็นเทคนิคการศัลยกรรมแปลงเพศที่มีการฟื้นตัวที่เร็วเนื่องจากเป็นการผ่าตัดมีความซับซ้อนน้อยกว่าเทคนิคอื่นๆ และยังมีช่องคลอดที่ไม่คลอดลึก
- ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ในด้านของการติดเชื้อ
- ไม่ต้องทำการขยายช่องคลอดทุกวัน
ข้อควรระวังของการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิค Zero Depth Vaginoplasty
- เป็นเทคนิคที่ควรทำในผู้ที่ไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่เท่านั้น
ข้อจำกัดของการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ
- จะต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป หากเป็นผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีจำเป็นจะต้องมีหนังสือรับรองแสดงความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ปกครอง และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศได้
- จะต้องเป็นผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัว ที่ได้เป็นข้อห้ามในการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ อาทิโรคที่มีความผิดปกติจากการแข็งตัวของเลือด ,โรคที่มีความผิดปกติจากการหายของแผล เป็นต้น
- จะต้องมีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ หากมีแผนในการลดน้ำหนัก ควรทำการลดให้เสร็จก่อนจึงจะสามารถทำการศัลยกรรมแปลงเพศได้
- จะต้องได้รับการตรวจโรคติดต่อทางด้านเพศสัมพันธ์และไม่มีผลเป็นอันตรายต่อผู้อื่นแล้วจะต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพจิตปกติ
- จะต้องเป็นผู้ที่ดำรงชีวิตในรูปแบบเพศหญิงเป็นระยะเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี ได้อย่างมีความสุข โดยไม่โดนกดดันจากสภาวะรอบข้าง
- จะต้องเป็นผู้ที่เคยผ่านการรับฮอร์โมนเพศหญิงมาก่อน โดยจะเป็นฮอร์โมนในรูปแบบของยากินหรือยาฉีดก็ได้เป็นระยะเวลา 1 ปี
- จะต้องเป็นผู้มีภาวะร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ และมีความพร้อมสำหรับการเข้ารับการแปลงเพศ
การผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีความรู้สึกไม่ชอบในอวัยวะที่แสดงถึงความเป็นเพศของตนเอง
- ผู้ที่เป็นสตรีข้ามเพศ
- ผู้ที่มีความต้องการเปลี่ยนเพศอย่างถาวร และจำเป็นต้องผ่านการประเมินตามข้อกำหนดของ WPATH แล้ว
การผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศไม่เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ป่วยโรคเกี่ยวกับจิตเวชทุกประเภท
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ยังไม่สามารถควบคุมได้
- ผู้ที่มีการใช้ยาประเภทสเตียลอยด์ในปริมาณมาก
- ผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ทำให้ไม่สามารถทำการผ่าตัดใหญ่ เช่นการผ่าตัดแปลงเพศได้ อาทิโรคหัวใจ โรคปอด เป็นต้น
- ผู้ที่มีภาวะภูมิต้านทานในร่างกายต่ำกว่าปกติ
- ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ที่รักษาให้หายได้ ควรรักษาให้หายก่อนทำการศัลยกรรมแปลงเพศ

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ
- ก่อนการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศควรเข้าพบจิตแพทย์เพื่อปรึกษาและประเมินความเหมาะสมที่จะเข้ารับการศัลยกรรมแปลงเพศก่อน จำเป็นจะต้องได้รับใบรับรองแพทย์จากจิตแพทย์ให้ครบทั้ง 2 ท่านก่อนเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ
- จะต้องเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดก่อนการศัลยกรรมแปลงเพศเพื่อที่คุณหมอเจ้าของเคสจะได้ทราบถึงสภาพความพร้อมของร่างกาย
- ก่อนเข้ารับการศัลยกรรมแปลงเพศควรหยุดใช้ยาฮอร์โมนล่วงหน้าเป็นระยะเวลา 1 เดือน
- ก่อนการศัลยกรรมแปลงเพศควรงดวิตามิน อาหารเสริมเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์
- ก่อนการศัลยกรรมแปลงเพศควรงดสูบบุหรี่ เป็นระยะเวลา 1 เดือน
- ก่อนการศัลยกรรมแปลงเพศควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นระยะเวลา1-2 สัปดาห์
- เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการศัลยกรรมแปลงเพศควรโกนขนที่อวัยวะเพศมากก่อน
- ควรแจ้งให้คุณหมอผู้ดูแลทราบหากมีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาชนิดใดอยู่เป็นประจำ
- 2-3 วันก่อนการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ ควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับภายในลำไส้ และเพื่อให้ภายในลำไส้มีการตกค้างของกากอาหารน้อยลง ก่อนเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ
- ควรรับประทานยาล้างลำไส้ ที่ทาง APS Clinic คลินิกจ่ายให้ 1 วันก่อนผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ
- ควรงดดื่มน้ำและงดรับประทานอาหารก่อนผ่าตัดเป็นเวลา 8 ชั่วโมงเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ

การดูแลหลังผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ
- หลังการศัลยกรรมแปลงเพศควรปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอผู้ดูแลอย่างเคร่งครัดเพื่อผลลัพธ์หลังการผ่าตัดที่ดีที่สุด
- ต้องมีเวลาพักฟื้นอย่างน้อยเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์หลังการศัลยกรรมแปลงเพศ
- หลังการศัลยกรรมแปลงเพศควรรับประทานอาหารตามแพทย์สั่งเท่านั้น
- งดทานอาหารแสลง อาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารทะเลเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์หลังการศัลยกรรมแปลงเพศ
- หลังการศัลยกรรมแปลงเพศควรรับประทานยาตามคำแนะนำของคุณหมอผู้ดูแลอย่างเคร่งครัด
- หลังการศัลยกรรมแปลงเพศควรมารับการตรวจแผลตามนัดของคุณหมอผู้ดูแลอย่างเคร่งครัด
- ควรทำการแยงโมลด์เพื่อให้ขยายช่องคลอดอย่างถูกต้องด้วยวิธีการที่สะอาดปลอดภัย สม่ำเสมอ ตามคำแนะนำของคุณหมอหลังการศัลยกรรมแปลงเพศ
- งดรับประทานยาฮอร์โมน ยาวิตามิน ยาสมุนไพรรวมทั้งอาหารเสริมทุกชนิดเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์หลังการศัลยกรรมแปลงเพศ
- ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อย่างน้อยเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์หลังการศัลยกรรมแปลงเพศ
- หลีกเลี่ยงการขับขี่หรือการนั่งทับแผลศัลยกรรมแปลงเพศเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์
- งดทำกิจกรรมต่างๆที่อันตราย ทำให้เกิดการกระทบกระเทือนและงดออกกำลังกายหนักเป็นระยะเวลา 3 เดือนหลังการศัลยกรรมแปลงเพศ
- งดการมีเพศสัมพันธ์เป็นระยะเวลา 3 เดือนหลังการศัลยกรรมแปลงเพศหรือตามที่คุณหมอผู้ดูแลเคสกำหนด
- ควรลุกเดินหรือทำกิจกรรมเบา ๆเพื่อทำให้แผลศัลยกรรมแปลงเพศหายเร็วขึ้น
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ สม่ำเสมอ รับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ และนอนพักผ่อนให้เต็มที่หลังทำการศัลยกรรมแปลงเพศ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ
- อาจมีอาการชา รอบแผลหลังทำการศัลยกรรมแปลงเพศ โดยแผลจะดีขึ้นภายในระยะเวลา 2-3 เดือน
- หลังศัลยกรรมแปลงเพศอาจทำให้อารมณ์แปรปรวนง่ายกว่าปกติ
- จะมีน้ำเหลืองและเลือดไหลซึมออกมาจากช่องคลอดหลังศัลยกรรมแปลงเพศในช่วงระยะเวลา 1-2 สัปดาห์
- หลังศัลยกรรมแปลงเพศ อาจทำให้อารมณ์ทางเพศลดลงในช่วงระยะเวลา 1-2 สัปดาห์แรกและอาการดังกล่าวจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ
- อาจไม่สามารถควบคุมทิศทางของปัสสาวะได้หลังผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ อาการนี้สามารถหายได้เองเมื่อเนื้อเยื่อต่างๆที่บวมอยู่ยุบตัวลง
- หลังผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศในระยะแรก ช่องคลอดจะมีความลึกอยู่ที่ประมาณ 5-6 นิ้ว และหลังจากทำการศัลยกรรมแปลงเพศไปประมาณ 4-6 เดือน ความลึกของช่องคลอดจะมีความลึกที่มากขึ้น 1 นิ้ว โดยประมาณ หากความลึกไม่เป็นไปตามความต้องการ สามารถทำการผ่าตัดต่อลำไส้ใหญ่ได้ โดยวิธีนี้สามารถทำได้หลังจากผ่าตัดครั้งแรกไปแล้วเป็นระยะเวลา 6 เดือน
- อาจมีอาการเลือดออกในช่วง 1-5 วันแรกหลังทำการศัลยกรรมแปลงเพศ คือมีเลือดออกทางท่อปัสสาวะ โดยสามารถใช้ผ้าก๊อซหรือผ้าอนามัยกดเพื่อห้ามเลือดในบริเวณที่มีเลือดออกได้ เลือดดังกล่าวจะสามารถหยุดได้เองตามธรรมชาติ หากเลือดไม่หยุดให้ทำการปรึกษาคุณหมอผู้ดูแลในทันที
เมื่อทำการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศโดยปกติแล้วจะต้องมีการขยายช่องคลอดร่วมด้วย เพื่อเป็นการดูแลให้ช่องคลอดสามารถใช้งานได้ตามปกติและนับเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากในการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศเพื่อป้องกัน กราฟของช่องคลอดที่ได้สร้างใหม่ไม่เกิดการหดตัวตื้นขึ้น
โดยวิธีการขยายช่องคลอดสามารถทำได้ดังนี้
- ให้นอนตัวตรง หัวหนุนหมอนสูงประมาณ 1-2 ใบ
- ชันเข่าขึ้น 2 ขา
- แยกขาทั้งสอง 2 ข้างที่ชันขึ้นออกให้มีระยะกว้างๆ
- ใส่แท่งขยายช่องคลอดเข้าไปภายในช่องคลอดให้สุดความลึก และดันไม่ให้ขยับ
- ยืดและเหยียดขาทั้ง 2 ข้างลง ในขณะที่ยังมีแท่งขยายช่องคลอดคาอยู่ในช่องคลอด
- ให้นอนหงาย ในท่าที่มีแท่งขยายช่องคลอดคาอยู่และยืดตัวตรง นานประมาณ 30 นาที
- ค่อยๆยกเข่าขึ้น 2 ข้างและ ค่อยๆ ดึงแท่งขยายช่องคลอดออก
- หลังจากนั้นก็ทำการสวนล้างช่องคลอดได้ตามปกติ
ใส่แท่งขยายช่องคลอด เข้าไปที่บริเวณช่องคลอดในแนวตรง ให้ความลึกได้ระยะประมาณ 2ใน 3 ของแท่งขยายช่องคลอด จากนั้นให้ขยับแท่งขยายช่องคลอดให้เปลี่ยนแนวไปตามแนวความโค้งของกระดูกสันหลัง โดยการขยายช่องคลอดนั้นควรทำทุกวันติดต่อกันเป็นระยะเวลา 2 ปี อย่างน้อยที่สุดควรให้ได้ในระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้สามารถยกเว้นการขยายช่องคลอดได้ในกรณีมีเพศสัมพันธ์เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
วิธีการสวนล้างช่องคลอดเพื่อให้สะอาด
เป็นวิธีการทำความสะอาดช่องคลอดหลังทำการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ และยังสามารถลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ โดยการสวนล้างช่องคลอดควรทำทุกวัน วันละ 2 ครั้งหลังทำการขยายช่องคลอดเสร็จ เพื่อรักษาความสะอาด
อุปกรณ์ในการสวนล้างช่องคลอดหลังผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ
- Betadine เป็นตัวยาที่จะใช้ในช่วง1 -2 เดือนแรก หลังทำการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ โดยจะใช้ Betadine ปริมาณ 10 cc. ร่วมกับ น้ำสะอาด ปริมาณ 1 ลิตร ผสมกันในภาชนะที่สะอาด
- Detal (สูตรปกติ) จะใช้ Detal 2 เดือนหลังจากการผ่าตัด เนื่องจาก Detal เป็นตัวยาที่ เหมาะกับแผลที่หายสนิทดีแล้ว โดยใช้ Detal ปริมาณ 1 cc. ร่วมกับ น้ำ 1 ลิตร
- ลูกยางแดง หรือ ถุงสวนล้าง
มีขั้นตอนดังนี้
- ใช้ลูกยางแดงบีบและจุ่มในน้ำยา ที่ผสมตามข้อด้านบน โดยสูบน้ำยาดังกล่าวให้เต็มลูกยางแดง
- สอดปลายลูกยางแดง บริเวณที่ปลายแหลม เข้าไปภายในช่องคลอด
- บีบน้ำยาที่อยู่ภายในลูกยางเข้าไปให้หมดภายในทีเดียว โดยต้องใช้ความแรงร่วมด้วย
- จากนั้นน้ำยาที่ถูกฉีดเข้าภายในช่องคลอดไปจะไหลออกมาเอง
- ทำวิธีนี้ไปเรื่อยๆจนน้ำยาที่ผสมไว้หมด
- จากนั้นทำความสะอาดลูกยางแดง และภาชนะให้สะอาด พร้อมสำหรับนำมาใช้ใหม่
วิธีใช้ถุงสวนล้าง
- ให้ติดตัวหนีบสายให้แน่น จากนั้นเทน้ำยาที่ผสมเอาไว้ตามข้างต้นลงภายในถุงสวนล้าง
- แขวนถุงขึ้นให้สูง
- ให้สอดปลายของถุงสวนล้างที่เป็นสายยางเข้าไปในช่องคลอด
- ปล่อยตัวหนับสายของถุงสวนล้าง
- รอให้น้ำยาไหลเข้าช่องคลอด
- ปล่อยให้ไหลออกมาเองจนหมด
- ทำจนหมดยาที่ผสมเอาไว้
- ทำความสะอาดถุงสวนล้าง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับนำมาใช้ใหม่
การสวนล้าง ไม่ว่าจะด้วยลูกยางแดง หรือถุงสวนล้าง ควรทำขณะที่นั่งเอนตัว ทำบนชักโครก เพื่อให้น้ำจากการล้างช่องคลอดไหลลงชักโครก เพื่อความสะดวกในการล้างช่องคลอด
การผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ เป็นวิธีที่ซับซ้อน และมีผลต่อสภาพจิตใจของผู้เข้ารับบริการมาก ดังนั้นควรหาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ทั้งส่วนของร่างกายสภาพจิตใจ การดูแลก่อน หลังการผ่าตัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ และภูมิใจที่ได้เปลี่ยนเพศให้ตรงกับใจเป็นคนใหม่ให้มากที่สุด