ในโลกนี้ความแตกต่างเป็นสิ่งสวยงามเสมอ และมีทุกคนเคารพความแตกต่างทางเพศ แต่ด้วยในปัจจุบันมีเพศสภาพเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะชายกลายเป็นหญิง หญิงกลายเป็นชาย และยังมีความซับซ้อนมากกว่านั้นได้อีกมากมาย แต่ไม่ใช่ว่าการที่เรารู้สึกนึกชอบเพศนี้ ทำให้เราไปผ่าตัดแปลงเพศ เพื่อให้เพศสภาพ เปลี่ยนเป็นเพศที่เราต้องการได้ง่ายๆ
สิ่งที่หลายๆคนไม่รู้นั่นคือก่อนเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศจะต้องตรวจสภาวะจิตใจก่อน และเราไม่สามารถตัดสินใจจะผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศได้ หากไม่ได้รับเอกสารจากแพทย์

แล้วทำไมต้องเข้ารับการตรวจสภาวะจิตใจก่อนแปลงเพศด้วยล่ะ ?
อันดับแรก การผ่าตัดแปลงเพศนั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงเพศสภาพที่มีมาตั้งแต่กำเนิด ให้ตรงกับเพศที่จิตใจมีความต้องการ ซึ่งอยากส่งผลให้มีความสุข ความสมบูรณ์แบบมากขึ้นหลังจากทำการผ่าตัด แต่ในบางคน อาจอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต การชื่นชอบเพศนี้อาจเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น เด็กสาววัยมัธยมที่อยู่ในสังคมโรงเรียนหญิงล้วน ตามปกติมักจะมีผู้หญิงห้าว ผู้หญิงเท่ และในอนาคต ผู้หญิงกลุ่มนี้ก็เกิดเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้มีความสวยสะพรั่งพร้อมเป็นสาวอย่างเต็มตัว นี่ก็เป็น หนึ่งในเหตุผลที่ต้องมีกฎข้อบังคับต่างๆในการผ่าตัดแปลงเพศ เนื่องจากเมื่อทำการผ่าตัดแปลงเพศไปแล้ว ทางการแพทย์จะไม่สามารถผ่าตัดเอาทุกอย่างจัดเรียงกลับเข้าที่เดิมได้อีก เพราะอวัยวะที่เป็นสิ่งบ่งบอกทางเพศได้ถูกตัดทิ้งออกไปแล้วนั้นเอง

ลำดับถัดมาการตรวจสภาวะจิตใจดังกล่าวยังรวมไปถึงการตรวจ เพื่อคัดกรองการเกิดโรคทางจิตเวชชนิดต่างๆ เพื่อตรวจสภาพจิตใจ ความเครียด ความกดดัน ความรู้สึก นึกคิด หลังจากที่ร่างกายของคนไข้ผู้เข้ารับบริการเกิดความเปลี่ยนแปลงไป เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่ามีร่างกายและจิตใจที่พร้อมต่อการเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ

สำหรับในประเทศไทย ขั้นตอนนี้จำเป็นที่จะต้องผ่านการประเมินจากจิตแพทย์จำนวน 2 ท่าน
ในขั้นตอนการเข้ารับการประเมิน หากคนไข้ผู้เข้ารับบริการได้รับการยืนยันจากจิตแพทย์แล้วว่ามีภาวะมีความทุกข์ใจในเพศสภาพ หรือ Gender Dysphoria จิตแพทย์ผู้เข้าตรวจจะให้ยาปรับฮอร์โมน เพื่อพร้อมสำหรับเข้ารับการผ่าตัด และให้ใช้ชีวิตในเพศใหม่ หรือ Real life experience เป็นระยะเวลาจำนวน 1 ปี เมื่อครบตามระยะเวลาที่กำหนดแล้ว หากคนไข้ผู้เข้ารับบริการยังมีความต้องการที่จะเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศอยู่ ก็จะมีการส่งข้อมูลเพื่อปรึกษากับศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดแปลงเพศเป็นลำดับต่อไป

ก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ หลังจากได้ตรวจสภาพจิตใจจากจิตแพทย์แล้ว ผู้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศจะต้องเข้าหลักเกณฑ์นี้ก่อนจึงจะเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศได้ คือ
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศจะต้องมีอายุครบ 20 ปีขึ้นไป
- หากผู้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศมีอายุไม่ถึงเกณฑ์ คืออยู่ในช่วงวัย 18-20 ปี จะต้องให้ผู้ปกครองผู้ดูแล เซ็นเอกสารเข้ารับการผ่าตัด
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศจะต้อง ได้รับฮอร์โมนเพศหญิงติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 1 ปี โดยเป็นขั้นตอนที่จิตแพทย์ที่ทำการตรวจสภาพจิตใจต้องให้รับอยู่แล้วหากผ่านขั้นตอนตามด้านบนมา เช่นเดียวกันคือต้องใช้ชีวิตเป็นเพศหญิงตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ไม่ต่ำกว่า 1 ปี

- ผู้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศจะต้องมีความรู้สึกเป็นผู้หญิงมาเป็นเวลานาน
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศจะต้องมีความรู้สึกรังเกียจอวัยวะเพศของตนเอง
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศจะต้องคิดว่าอวัยวะเพศเดิมของตนเป็นส่วนเกิน
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศจะต้องผ่านการประเมินสภาพจิตใจ และได้รับใบรับรองจากจิตแพทย์ อย่างน้อย 2 ท่าน

- โดยใบรับรองจากแพทย์ทั้ง 2 ท่าน จะต้องมีอายุไม่เกิน 6 เดือน ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศจะต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศจะต้องไม่มีโรคประจำตัวรุนแรงที่อยู่ข้อห้ามในการดมยาสลบ หรือเป็นข้อห้ามการผ่าตัด

การผ่าตัดแปลงเพศ นับเป็นเรื่องใหญ่มากเนื่องจากเป็นการเปลี่ยนชีวิตของคนคนนึงเลยก็ว่าได้ ดังนั้นควรหาข้อมูล ศึกษาถึงสภาวะการเปลี่ยนแปลง และการรับมือต่างๆที่จะเกิดขึ้น พร้อมเรียนรู้อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำ เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะสามารถทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในชีวิต

