9 สาเหตุที่ทำให้ต้องแก้จมูก
การทำศัลยกรรมจมูกกลายเป็นสิ่งพื้นฐานไปแล้วที่สาวๆ หนุ่มๆ สมัยนี้เลือกทำเป็นอันดับต้นๆ ทั้งยังเป็นสิ่งแรกที่หลายๆคนเลือกที่จะทำเมื่อตัดสินใจจะทำศัลยกรรม ด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้การศัลยกรรมจมูกเป็นการทำศัลยกรรมที่หลายคนไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วน ไม่ได้หาข้อมูล หรือปรึกษาผู้มีความรู้ให้ดีเสียก่อน จึงส่งผลให้มีคนจำนวนมากที่ต้องแก้ไขจมูกเดิมที่ทำศัลยกรรมมา ด้วยปัญหาที่แตกต่างกันไป
มาดูกันว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ต้องแก้จมูก

ปัญหาแรกที่ทำให้ต้องแก้จมูกคือ ปัญหาซิลิโคนจมูกลอย
ปัญหานี้คือปัญหาของคนที่ยังไม่มีความรู้มากนักในการเลือกทำจมูก เนื่องจากโดยปกติแล้วผู้ที่มาทำการแก้จมูกด้วยปัญหานี้ จะเป็นผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และทำจมูกมานานกว่า 10 ปีแล้ว เนื่องจากยุคสมัยนั้นยังเป็นยุคที่ยังไม่มีวิธีการเสริมจมูกที่มีรายละเอียดเยอะมากเมื่อเทียบกับปัจจุบัน จึงทำให้ผลลัพธ์ในการทำอาจยังไม่ 100 % เมื่อเวลาผ่านไปจึงกลายเป็นปัญหาให้คนไข้ผู้เข้ารับบริการต้องให้คุณหมอแก้ รวมไปจนถึงการลงมือทำโดยคุณหมอที่ไม่มีความเชี่ยวชาญจึงทำให้เกิดการวางซิลิโคนผิดตำแหน่ง หรือการวางซิลิโคนโดยไม่แก้ไขโครงสร้างจมูกก่อนเป็นต้น ซึ่งปัญหาซิลิโคนลอยนั้นมักจะมาร่วมกันกับปัญหาที่จมูกเกิดการเบี้ยว หรือเอียงด้วยนั่นเอง

ปัญหาที่ 2 ที่ทำให้ต้องแก้จมูกคือ ปัญหาจมูกเบี้ยว หรือปัญหาสันจมูกเอียง
สำหรับสาเหตุการแก้จมูกที่มีทรงเบี้ยวหรือเอียง สามารถแบ่งได้ 3 ลักษณะคือ
- จมูกเบี้ยวหรือเอียง เนื่องจากซิลิโคนที่เสริมจมูกไม่แนบเข้ากับฐานเดิมของจมูกคนไข้ผู้เข้ารับบริการ
- จมูกเบี้ยวหรือเอียง เนื่องจาก ขนาดและรูปทรงของซิลิโคนที่เสริมจมูกไม่พอดีกับฐานของจมูกเดิม
- จมูกเบี้ยวหรือเอียง เนื่องจากการที่คุณหมอทำการเลาะโพรง ในบริเวณที่จะวางซิลิโคนได้ไม่พอดี กับซิลิโคน
โดยปัญหาที่กล่าวมานี้สามารถแก้ไขได้โดยการเลือกคุณหมอที่มีความชำนาญเฉพาะทางในการทำจมูก ที่สามารถประเมินปัญหาต่างๆของจมูก ทำการหลาซิลิโคนได้อย่างแม่นยำและวางซิลิโคนในตำแหน่งที่ถูกต้อง รวมทั้งยังสามารถประเมินปัญหาในการแก้จมูกได้อย่างถูกต้อง

ปัญหาที่ 3 ที่ทำให้ต้องแก้จมูกคือ ฐานจมูกเดิมมีปัญหาแต่ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหานั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ทำให้ต้องแก้จมูก สำหรับในคนที่มีฐานจมูกเดิมเบี้ยว หรือคด ทั้งมากและน้อย โดยปกติแล้วหากฐานจมูกเดิมเบี้ยวหรือคด แพทย์จะมีวิธีการแก้ไขตามปัญหาของคนไข้ผู้เข้ารับบริการและการประเมินของคุณหมอต้องทำการแก้ไขแบบใด หากฐานจมูกเดิมเบี้ยวหรือคดไม่มาก คุณหมอสามารถทำการแก้ไขโดยการเหลาซิลิโคนเพื่อตกแต่งในลักษณะเบื้องต้นได้ แต่ถ้าหากมีปัญหาที่ฐานจมูกมากนั้นคุณหมอจะต้องทำการแก้ไขปัญหาที่โครงสร้างภายในของจมูกก่อนทั้งการตอกฐานจมูก ตกแต่งฐานจมูกให้มีความเหมาะสม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะทำจมูกนั่นเอง

ปัญหาที่ 4 ที่ทำให้ต้องแก้จมูกคือ เนื้อปลายจมูกบาง ใส เสี่ยงทะลุจึงต้องแก้จมูก
ปัญหานี้เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องทำให้คนไข้ผู้เข้ารับบริการหลายๆคนกังวลจนต้องมาแก้จมูก โดยปัญหานี้ต้นเหตุมักเกิดจากการที่ เมื่อทำจมูกครั้งแรกคุณหมอผู้ทำเลือกใช้ซิลิโคนเสริมจมูกที่เป็นซิลิโคนสำเร็จรูปที่อาจมีขนาดไม่พอดีกับพื้นฐานจมูกหรือเนื้อจมูกของคนไข้ผู้เข้ารับบริการนั่นเอง และเมื่อเวลาผ่านไปหลังทำจมูกมาก็จะเกิดอาการเจ็บ หรือตึงที่บริเวณปลายจมูก เนื่องจากการดึง หรือรั้งตัวของซิลิโคนที่ไม่พอดี และเมื่อปล่อยไว้เป็นเวลานาน ไม่ทำการแก้จมูกก็จะส่งผลให้เนื้อที่ปลายจมูกจะค่อยๆบางลงเรื่อยๆ เกิดการอักเสบ และหากปล่อยไว้เป็นเวลานาน ก็จะทำให้จมูกทะลุได้

ปัญหาที่ 5 ที่ทำให้ต้องแก้จมูกคือ คนไข้ผู้เข้ารับบริการได้ผ่านการฉีดซิลิโคนเหลว สารเหลว หรือฉีดฟิลเลอร์ที่จมูกมาก่อน
ปัญหาที่ทำให้ต้องแก้จมูกปัญหานี้เป็นปัญหาที่มักเกิดกับผู้ที่ชอบลอง เนื่องจากการเสริมจมูกด้วยการฉีดซิลิโคนเหลว หรือการฉีดสารต่างๆเข้าไปที่จมูกจะทำให้คนไข้ผู้เข้ารับบริการจมูกมีทรงที่สวย โด่งได้ดั่งใจอยากในเวลาอันสั้น และไม่ต้องพักฟื้น แต่ปัญหาจะตามมาในเวลาถัดไปจนทำให้ต้องแก้จมูก เพราะว่าสารเหล่านั้นจะเริ่มไม่คงสภาพและไหลไปอยู่ในบริเวณต่างๆจนทำให้จมูกมีรูปทรงที่ผิด แปลกไป ไม่ว่าจะเป็นการไม่เรียบเนียนของผิวหนังที่เกิดจากสารเคลื่อนตัว ฐานจมูกใหญ่หรือแบน อันเนื่องจากสารดังกล่าวไหลตัวลงมากอง รวมทั้งยังทำให้เกิดพังผืด และติดเชื้อในบริเวณที่ฉีดได้อีกด้วยหากไม่ได้รับการแก้จมูกโดยรวดเร็ว

ปัญหาที่ 6 ที่ทำให้ต้องแก้จมูกคือ คนไข้ผู้เข้ารับบริการเคยผ่านการร้อยไหมที่จมูกมาก่อน
ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ส่งผลให้ต้องแก้จมูกเนื่องมาจากการที่ได้ทรงจมูกในรูปทรงที่ไม่เป็นไปตามต้องการ เนื่องจากการร้อยไหม เป็นการทำให้จมูกเกิดวอลลุมจากไหมที่ร้อยเข้าไป และคอลลาเจนที่สร้างขึ้นมาโดยตัวไหมเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขจมูกได้ถึงชั้นโครงสร้าง และไม่สามารถปรับแต่งทรงจมูกได้เทียบเท่าการผ่าตัดทำจมูก ที่จะให้ผลลัพธ์ในการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียงเท่านั้น อีกหนึ่งปัญหาของคนที่ทำการร้อยไหมต้องแก้จมูกยังเป็นเรื่องของการเกิดปัญหาต่างๆตามมา เช่น
ร้อยไหมจมูกแล้วเกิดพังผืดซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของการร้อยไหม แต่เราจะไม่สามารถควบคุมพังผืดที่เกิดขึ้นในบริเวณใต้ผิวได้ว่าต้องการให้พังผืดเกิดขึ้นรูปแบบใดในบางทีจึงส่งผลให้รูปจมูกเสียทรง รูจมูก และสันจมูกเกิดการผิดแปลกไป
อีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้เมื่อร้อยไหมจมูกมาแล้วต้องแก้จมูกก็คือ การที่เนื้อจมูกเกิดความเป็นคลื่น เป็นไต อันเนื่องมาจากการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวโดยไหมที่ไม่สามารถควบคุมได้นั่นเอง

ปัญหาที่ 7 ที่ทำให้ต้องแก้จมูกคือ การที่ทรงจมูกเดิมมีปัญหา และไม่ได้รับการแก้ไข
ปัญหาที่ส่งผลให้ต้องแก้จมูกปัญหานี้มักเกิดมาจากการที่คุณหมอที่ทำการรักษาไม่มีความชำนาญและทักษะในการตกแต่งซิลิโคนที่มากพอ รวมไปถึงการที่คุณหมอเลือกใช้ซิลิโคนในรูปแบบสำเร็จรูป โดยที่ไม่ได้ทำการตัดแต่งให้เข้ารูปไปกับทรงจมูกและรูปหน้าของคนไข้ผู้เข้ารับบริการ หรือซิลิโคนชนิดที่ไม่มีโคนขา จึงทำให้จมูกที่ออกมานั้นเกิดความไม่พอดี ไม่เข้ากัน และไม่รับกับรูปหน้า ทำให้จมูกที่ได้นั้นดูแข็ง สั้น ปลายจมูกเชิดจนเห็นรูจมูกหากมองหน้าทางตรง

ปัญหาที่ 8 ที่ทำให้ต้องแก้จมูกคือ การรู้สึกตึง หรือรู้สึกเสียว ที่บริเวณปลายจมูก
ปัญหานี้เป็นสัญญาณเตือนเบื้องต้นของการเสี่ยงที่ซิลิโคนเดิมที่ทำจมูกมาจะเกิดทะลุ ต้องแก้จมูกก่อนที่จมูกจะทะลุนั่นเอง โดยอาการที่เกิดขึ้นของปัญหานี้ก็คือคนไข้ผู้เข้ารับบริการจะเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆที่บริเวณปลายจมูก และเริ่มรู้สึกเสียว หรือรู้สึกตึงๆที่ปลายจมูก โดยเริ่มแรกจะเป็นแค่ในเฉพาะเวลาที่สัมผัสโดนจมูกเท่านั้น และหากทิ้งระยะเวลาให้นานออกไปไม่แก้จมูก ก็จะสามารถเป็นได้โดยไม่ต้องสัมผัสโดนจมูก และทำให้จมูกทะลุได้ในที่สุด ซึ่งอาการเสียว หรือตึงที่ปลายจมูกนั้นเกิดมาจากการที่ผิวหนังบริเวณปลายจมูกนั้นเริ่มเกิดการบางลง รวมไปจนถึงการที่คุณหมอได้วางซิลิโคนที่อยู่ใกล้กันกับผนังปลายจมูกมากจนเกินไป คนไข้ผู้เข้ารับบริการจะต้องสำรวจตัวเองหากมีอาการเหล่านี้จะต้องเข้ารับการแก้จมูกโดยเร็ว

ปัญหาที่ 9 ที่ทำให้ต้องแก้จมูกคือ จมูกเกิดการติดเชื้อ
ปัญหาที่ส่งผลให้ต้องแก้จมูกปัญหานี้ เรียกได้ว่าเป็นผลข้างเคียงจากการทำจมูก เกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการดูแลหลังทำจมูก สถานเข้ารับบริการไม่สะอาด และไม่ปลอดเชื้อ การเจอเชื้อโรคหลังทำจมูก โดยยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้จมูกเกิดการติดเชื้อได้ โดยการติดเชื้อหลังทำจมูกสามารถสังเกตได้ดังนี้
จมูกเริ่มบวมขึ้นจนดูผิดปกติ และบวมขึ้นเรื่อยๆโดยปกติแล้วการทำจมูก จมูกจะค่อยๆยุบตัวลง หากทำจมูกไปและมีอาการบวมเพิ่มมากขึ้นจึงเป็นหนึ่งสิ่งที่น่าสงสัย และหากอาการบวมเกิดขึ้นร่วมกันกับมีความเจ็บ ปวด หรือผิวหนังบริเวณจมูกมีสีแดง รวมทั้งมีน้ำเหลืองไหลออกมา หรือซึมตามแผลผ่าตัด
อีกกรณีคือการที่สีผิวบริเวณจมูกมีสีที่เปลี่ยนไป เป็นสีที่เข้มขึ้น หรือสีดำ ให้ระวังการติดเชื้อและปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการแก้จมูก และแก้ไขปัญหาต่างๆทันที เพราะปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เป็นอันตรายได้
ดังนั้นควรหมั่นสังเกตตัวเอง ว่ามีอาการผิดปกติอะไรกับตัวเองหรือไม่ หากมีปัญหาตามที่กล่าวมาข้างต้นทั้ง 9 ข้อ ควรได้รับการแก้จมูก เพื่อไม่ทำให้กลายเป็นปัญหาระยะยาวและส่งผลให้เกิดอันตรายตามมาในอนาคต แต่สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจแก้จมูกคือ ควรหาข้อมูลประกอบให้มากๆ และเลือกสถานเข้ารับบริการที่ให้บริการโดยคุณหมอที่มีความชำนาญเฉพาะทางในการทำศัลยกรรม เนื่องจากการแก้จมูกเป็นการรักษาปัญหาเก่า ร่วมไปกับการทำจมูกใหม่ให้สวยและดีขึ้นด้วย หากคุณหมอไม่ชำนาญมากพอ อาจส่งผลให้ผลลัพธ์ไม่ได้ดีมากขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น
ที่ APS Clinic คุณหมอเอ๋ พญ.ภัทร์วิรา ภัทรเจียรพันธุ์ ผู้เป็นแพทย์เจ้าของ APS Clinic และยังเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี จึงทำให้สามารถมั่นใจได้ว่า เชื่อถือได้ในทุกขั้นตอนของการรักษา ตั้งแต่การปรึกษา และประเมิน จนถึงขั้นตอนการแก้จมูก ทำให้มั่นใจได้เลยว่าผลลัพธ์หลังทำการแก้จมูกนั้นจะดีขึ้นอย่างที่ใจต้องการได้อย่างแน่นอน

