ผู้ที่จะเข้ารับการศัลยกรรมเสริมจมูกหลายคนมักเข้าใจว่า “การเสริมซิลิโคนที่จมูก”โดยทั่วไป เพียงแค่ใส่ซิลิโคน และเย็บ แบบธรรมดา คือการเสริมจมูกที่เพียงพอสำหรับการปรับรูปทรงจมูกให้ดูสวยงามได้รูปทรงอย่างที่ต้องการ และช่วยเสริมความมั่นใจให้กับใบหน้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวดังที่กล่าวมาไม่สามารถใช้ได้กับผู้ที่มีลักษณะหรือโครงสร้างจมูกบางประเภท
ซึ่งหากไม่ได้รับคำแนะนำจากศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางที่สามารถประเมินปัญหาได้อย่างเหมาะสมตั้งแต่ต้น ก็อาจทำให้ผลลัพธ์ของการเสริมจมูกไม่เป็นไปตามที่ต้องการ หรือร้ายแรงกว่านั้น คือเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาในภายหลัง เช่น จมูกเบี้ยว จมูกทะลุ หรือเกิดการอักเสบเรื้อรัง
เนื่องจากโครงสร้างของจมูกประกอบด้วยหลายปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นความหนาของผิวหนัง ปริมาณเนื้อปลายจมูก ความยืดหยุ่นของผิว กระดูกจมูกดั้งเดิมของคนไข้ผู้เข้ารับบริการ รวมถึงการมีอาการเบี้ยวเอียงของโครงสร้างจมูกเดิม
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการเลือกวิธีเสริมจมูกที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล และการพิจารณาแนวทางการแก้ไขโครงสร้างจมูกเดิม โดยการใช้วัสดุเสริมปลายจมูก หรือใช้วิธีการอื่นๆร่วม เช่น กระดูกอ่อนหลังหู, กระดูกอ่อนซี่โครง, หรือเนื้อเยื่อเทียม เพื่อรองรับซิลิโคนและช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระยะยาว โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการปรับรูปทรงให้ดูสวยคงตัว ไม่เบี้ยว ไม่บาง และไม่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนในอนาคตนั่นเอง สำหรับปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้ มีดังนี้
รวมปัญหาที่ไม่สามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้

ผู้ที่มีปัญหาจมูกสั้น ไม่สามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้
“จมูกสั้น” คือทรงจมูกที่มีความยาวจากฐานถึงปลายน้อยกว่าปกติ หรือผู้ที่ปลายจมูกมีลักษณะเชิดขึ้น ทำให้เห็นรูจมูกชัด และเมื่อเสริมจมูกจะมาพร้อมกับการที่มีเนื้อปลายจมูกน้อย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การใส่ซิลิโคนเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขความสั้นหรือเพิ่มความยาวของจมูกได้จริง
ในผู้ที่มีจมูกสั้น หากศัลยแพทย์ฝืนโดยการใช้ซิลิโคนยาวเพื่อยืดปลายจมูกโดยไม่มีฐานรองรับ จะเกิดแรงกดทับ และเสียดสีบนผิวหนังปลายจมูกอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้ปลายจมูกบางลงเรื่อย ๆ และเกิดปัญหา เนื้อจมูกบาง ปลายจมูกแดง และซิลิโคนทะลุ ตามมาในที่สุด ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้จริงในหลายเคสที่ไม่ได้รับการวางแผนอย่างรอบคอบตั้งแต่แรก
เมื่อผู้ที่มีปัญหาจมูกสั้นไม่สามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้จึงควรแก้ร่วมกับ
ในกรณีที่ต้องการเสริมจมูกให้ได้ความยาวปลายมากขึ้น หรืออยากได้ทรงพุ่งแบบธรรมชาติในคนที่มีจมูกสั้น ควรปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อให้แนะนำเทคนิดและอุปกรณ์เสริมต่างๆเช่น เสริมกระดูกอ่อนร่วมกับซิลิโคน โดยเฉพาะ กระดูกอ่อนหลังหู หรือในบางกรณีที่ต้องการความยืดหยุ่นสูงและความแข็งแรงร่วมกัน อาจเลือกใช้ กระดูกอ่อนซี่โครง
โดยวิธีการเสริมจมูกโดยใช้กระดูกอ่อนจะทำหน้าที่เป็น โครงสร้างรองบริเวณปลายจมูก เสริมความแข็งแรง จึงช่วยยืดฐานของจมูกให้ยาวขึ้นอย่างเป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถปรับทรงปลายจมูกให้เข้ารูปหน้าได้อย่างละเอียด เช่น การยืดปลายให้เชิดขึ้น การทำทรงหยดน้ำ หรือการสร้างปลายมนดูนุ่มละมุน ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ซิลิโคนอย่างเดียวไม่สามารถทำได้
เทคนิคนี้ไม่เพียงแต่ให้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยกว่า แต่ยังช่วยกระจายแรงกดจากซิลิโคนออกไป ไม่ให้ไปกดเฉพาะที่เนื้อปลายจมูก ซึ่งช่วยลดโอกาสการทะลุและเพิ่มอายุการใช้งานของซิลิโคนให้นานขึ้นอีกด้วย
หากคุณมีปัญหาจมูกสั้น และกำลังวางแผนจะเสริมจมูก ควรได้รับการวิเคราะห์โดยศัลยแพทย์ฃเฉพาะทางด้านโครงสร้างใบหน้าและศัลยกรรมมว่า ทรงจมูกเดิมสามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้หรือไม่ เพื่อวางแผนอย่างแม่นยำและเลือกรูปแบบการเสริมที่เหมาะสม เช่น การใช้กระดูกอ่อนร่วมกับซิลิโคน ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ทั้ง “สวย” และ “ยั่งยืน” ไม่ใช่แค่ในรูปถ่ายหลังทำวันแรก แต่ยังรวมถึงความมั่นใจในระยะยาวที่ไม่ต้องกลับมาแก้ใหม่ภายหลัง
ผู้ที่มีปัญหาเนื้อจมูกหนาไม่สามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้
“เนื้อจมูกหนา” หรือเนื้อปลายจมูกคล้ายรูปทรงชมพู่ คือทรงจมูกที่เนื้อส่วนปลายจมูกมีปริมาณเยอะ ทำให้จมูกดูมีความหนาและกว้าง กระดูกอ่อนบริเวณปลายจมูกมักบานออกด้านข้าง ส่งผลให้ปลายจมูกดูมน กว้าง หรือกลม ไม่คมชัด ในบางคน ความหนาและความยืดหยุ่นของผิวก็ยังมีน้อยกว่าปกติการ
เสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ
หลายคนอาจวางแผนเองและคิดว่าการใช้ซิลิโคนที่มีสันพุ่ง จะสามารถดันปลายจมูกให้ดูแหลมขึ้น และพลางตาให้ปลายจมูกไม่หนาได้แต่ในความเป็นจริงแล้ว การใส่ซิลิโคนเพียงอย่างเดียวในจมูกที่มีเนื้อปลายหนา จะไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างปลายจมูกได้เนื่องจากซิลิโคนจะถูกบดบังด้วยชั้นเนื้อที่หนา ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาไม่ตอบโจทย์ และอาจดูใหญ่กว่าจมูกเดิมเสียอีก
เนื่องจากซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูกไม่สามารถที่จะควบคุมทิศทางหรือขนาดของกระดูกอ่อนซึ่งจัดเป็นตัวกำหนดรูปทรงของปลายจมูกโดยตรง
ไม่เพียงเท่านั้น ในกรณีที่เสริมจมูกด้วยวิธีการใส่ซิลิโคนยาวและพุ่งในคนที่มีเนื้อปลายเยอะ อาจเกิดแรงดันซ้อนทับที่ปลายจมูกจนทำให้ซิลิโคน กดทับผิดตำแหน่ง หรือ ดันปลายจมูกให้กลมขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้จมูกดูใหญ่ ไม่สมส่วน และเสียความเป็นธรรมชาติของใบหน้าโดยรวม
เมื่อผู้ที่มีปัญหาเนื้อจมูกหนาไม่สามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้จึงควรแก้ร่วมกับ
ในผู้ที่มีปัญหาเนื้อจมูกหนา หรือปลายจมูกทรงชมพู่ หาต้องการผลลัพธ์ที่สวย เรียว และคมชัดเทคนิคที่เหมาะสมคือ การใช้กระดูกอ่อนซี่โครง หรือกระดูกอ่อนหลังหู ร่วมกับการเสริมซิลิโคน โดยศัลยแพทย์จะทำการปรับโครงสร้างปลายจมูกด้วยการตัดแต่งและจัดเรียงกระดูกอ่อนบริเวณปลายให้แคบลง และใช้กระดูกอ่อนดังกล่าวมาเสริมโครงเพื่อปรับแต่งทรงจมูกให้พุ่งสวยตามแนวที่ต้องการ
การใช้เสริมจมูกโดยการใช้กระดูกอ่อนในการปรับโครงสร้างจมูกจะช่วยลดความกว้างของปลายจมูก ทำให้ปลายดูเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งรูปทรงให้สามารถคงสภาพได้เป็นอย่างดีในระยะยาวโดยไม่ต้องอาศัยแรงดันจากซิลิโคนมากเกินไป ซึ่งเป็นเสริมจมูกวิธีที่ปลอดภัย และเหมาะกับผู้ที่ที่มีเนื้อจมูกหนา โครงสร้างเดิมใหญ่ หรือปลายจมูกชมพู่โดยกำเนิด
เทคนิคเสริมจมูกโดยใช้กระดูกอ่อนเสริมปลาย ไม่เพียงช่วยให้จมูกดูเรียว แต่ยังลดความเสี่ยงต่อการเบี้ยวหรือเปลี่ยนรูปหลังทำ และสามารถออกแบบให้เหมาะกับใบหน้าของแต่ละบุคคลได้อย่างละเอียด ซึ่งแตกต่างจากการใช้ซิลิโคนเพียงอย่างเดียวที่จำกัดรูปทรงของจมูก สวยคงรูป ไม่บวม ไม่บิด และไม่ต้องกลับมาแก้ไขบ่อยครั้งในอนาคต

ผู้ที่มีปัญหาปลายจมูกงุ้ม ไม่สามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้
“ปลายจมูกงุ้ม” เป็นปัญหาโครงสร้างเนื่องจากในบางคนจะมีลักษณะปลายจมูกตกอย่างเห็นได้ชัด โดยลักษณะของจมูกประเภทนี้คือส่วนปลายของกระดูกอ่อนที่อยู่ในแนวดิ่งหรือโค้งลง ทำให้ปลายจมูกดูเหมือนชี้ลงด้านล่าง ส่งผลให้ใบหน้าดูเศร้า หรือดูมีอายุ เหมือนแม่มดในหนังสือนิยาย ทั้งที่ในบางคนอาจไม่ได้มีปัญหากับสันจมูกเลยก็ตาม
หลายคนมีความเข้าใจผิดว่า การเสริมจมูกที่ใช้เพียงแค่ใส่ซิลิโคนเสริมขึ้นจากสันจมูกก็จะสามารถยกปลายให้พุ่งขึ้นและลดความงุ้มของปลายจมูกได้ แต่ในความเป็นจริง โครงสร้างภายในของจมูก โดยเฉพาะกระดูกอ่อนปลายจมูกนั้นสำคัญมากและการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแนวการวางตัวของกระดูกอ่อนที่ชี้ลงได้ จึงไม่สามารถยกปลายจมูกให้พุ่งขึ้นได้นั่นเอง เนื่องจากซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูกนั้นทำหน้าที่เพียงการเพิ่มความโด่งของบริเวณสันจมูก ไม่ได้มีแรงพอในการปรับองศาหรือทิศทางของปลายจมูกให้เปลี่ยนจากงุ้มเป็นพุ่ง
ในกรณีที่ฝืนใส่ซิลิโคนพุ่งเข้าไปในคนที่มีปลายจมูกงุ้ม อาจทำให้เกิดแรงต้านจากโครงสร้างเดิม ทำให้ซิลิโคนลอย ดูแข็ง หรือเกิดการโก่งตัวกลางสัน ซึ่งไม่เพียงทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นที่พึงพอใจแล้วยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเบี้ยว เคลื่อน หรือทะลุในอนาคตอีกด้วย
เมื่อผู้ที่มีปัญหาปลายจมูกงุ้มไม่สามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้จึงควรแก้ร่วมกับ
หากต้องการเสริมจมูกพร้อมกับการเปลี่ยนรูปทรงปลายจมูกให้ดูพุ่งขึ้น และลดความงุ้มได้จริง ต้องใช้เทคนิคการผ่าตัดที่ลึกกว่าการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนทั่วไป โดยการที่ศัลยแพทย์จะใช้ กระดูกอ่อนซี่โครง เป็นวัสดุเสริมหลัก เพื่อเข้าไปปรับแนวกระดูกอ่อนปลายจมูกให้ยกขึ้นในทิศทางที่เหมาะสม
เพราะการยกปลายจมูกขึ้นจะต้องใช้เทคนิคเสริมจมูกที่เกี่ยวข้องกับการ “แก้โครงสร้างกระดูกอ่อน” และ “สร้างฐานรองปลายจมูกใหม่”
โดยกระดูกอ่อนซี่โครงจะสามารถทำหน้าที่เป็น “คานรับปลาย” เพื่อดันปลายให้พุ่งได้อย่างปลอดภัยและมั่นคง ช่วยแก้โครงสร้างที่ทำให้จมูกงุ้มโดยไม่ต้องฝืน หรือกดปลายจากด้านในเหมือนการใส่ซิลิโคนเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังสามารถออกแบบความโค้ง ความพุ่ง และความยาวของปลายจมูกได้อย่างละเอียด เข้ากับใบหน้าของแต่ละบุคล ทั้งยังสามารถ ปรับให้มีปลายจมูกสโลป หรือโด่งพุ่งแบบที่ดูแหลมเกินไป และให้ผลลัพธ์ที่เป็นที่น่าพึงพอใจและไม่ต้องกังวลว่าซิลิโคนจะทะลุหรือไม่ในอนาคต

ผู้ที่มีปัญหาฐานจมูกใหญ่ ไม่สามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้
“ฐานจมูกใหญ่” หรือ “ฐานจมูกกว้าง” เป็นหนึ่งในลักษณะโครงสร้างจมูกที่พบได้บ่อยในคนเอเชีย ซึ่งจมูกมักมีรูปทรงค่อนข้างแบน ฐานจมูกกว้าง ปีกจมูกบาน และยังมีปลายจมูกที่ไม่คมชัด ปัญหานี้ส่งผลให้ใบหน้าดูแบน ไม่มีมิติ จมูกดูอ้วน ไม่เรียว และทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ
และในผู้ที่มีฐานจมูกกว้างนั้นไม่เหมาะที่จะเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียว เนื่องจากการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถแก้ปัญหาฐานจมูกที่กว้างได้อย่างครอบคลุมทั้งหมด เนื่องจากซิลิโคนที่เสริมจมูกจะทำหน้าที่ในการเพิ่มความสูงของสันจมูกเพียงเท่านั้น จะไม่สามารถเข้าไปแก้ปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างของปีกจมูก หรือฐานจมูกที่เป็นกระดูกอ่อนที่ทำให้จมูกดูใหญ่ได้
หากมีปัญหานี้แล้วเข้ารับการเสริมจมูกที่ไม่ได้รับการแก้ไขที่ตรงจุดอาจทำให้ รูปทรงจมูกดูไม่สมดุล เช่น สันจมูกดูโด่งขึ้น แต่ปีกยังบาน ฐานยังใหญ่ ทำให้ใบหน้าจะดูแปลก ไม่สมส่วน และจมูกอาจยิ่งดูใหญ่กว่าเดิม
แต่ยังมีหลายคนคิดว่าแค่เสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวทำให้จมูกโด่งขึ้น ฐานจมูกก็น่าจะดูเล็กลงไปเอง แต่ในความจริงแล้ว โครงสร้างฐานจมูกเกี่ยวข้องกับ เนื้อปีกจมูก และ กระดูกอ่อนภายในที่เรียกว่า alar cartilage ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดความกว้างของฐานจมูก
การใส่ซิลิโคนเสริมจมูกเข้าไป นอกจากจะไม่ได้ช่วยลดความกว้างของฐานแล้วยังอาจทำให้จมูกดูโด่งแต่ปีกยังบาน ทำให้สัดส่วนของจมูกดูผิดเพี้ยนและส่งผลต่อความสมดุลของใบหน้าในบางคนยังต้องกลับมาแก้ไขปัญหานี้ในภายหลัง
เมื่อผู้ที่มีปัญหาฐานจมูกใหญ่ไม่สามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้จึงควรแก้ร่วมกับ
การแก้ปัญหาฐานจมูกใหญ่ให้มีความเรียวเล็กลงและยังต้องเข้ากับรูปหน้า ไม่สามารถทำได้ด้วยการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียว แต่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคนิคการ ปรับโครงสร้างปลายและฐานจมูก ด้วยการใช้ กระดูกอ่อนซี่โครง หรือกระดูกอ่อนบริเวณหลังหู เพื่อเสริมและจัดแนวโครงสร้างภายในใหม่
การใช้กระดูกอ่อนในการเสริมจมูก จะช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถควบคุมรูปทรงของฐานจมูกได้อย่างแม่นยำ เช่น ทำให้ฐานแคบลง ปรับทิศทางของปีกจมูกให้ชิดมากขึ้น และจัดโครงของกระดูกอ่อนปลายให้ได้รูปโดยไม่ต้องอาศัยการตัดปีกอย่างรุนแรง ซึ่งเทคนิคนี้ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทิ้งรอยแผลที่ชัด และมีความมั่นคงในระยะยาวทั้งยังสามารถปรับแต่งปลายจมูกและฐานจมูกได้พร้อมกัน ทำให้รูปทรงที่ได้มีความเรียวเล็ก เข้ารูป และตอบโจทย์กับโครงหน้าของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี

ผู้ที่มีปัญหาเนื้อจมูกบาง ไม่สามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้
“เนื้อจมูกบาง” คือปัญหาเกี่ยวกับชั้นผิวหนังที่ปกคลุมบริเวณปลายจมูกมีน้อย และขาดความหนาแน่นของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นชั้นที่ทำหน้าที่รองรับซิลิโคนเสริมจมูกโดยตรง หากเสริมโดยไม่ประเมินจากศัลยแพทย์อย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย เช่น ผิวบางจนเห็นเงาซิลิโคน, ผิวจมูกแดง,ทำให้จมูกดูหลอกตา , ในกรณีที่ซิลิโคนขยับหรือเอียง ก็อาจเห็นเป็นแนวเส้นใต้ผิวหนังชัดเจนหรือในกรณีรุนแรงคือซิลิโคนทะลุ ผ่านผิวหนังในที่สุด
ยังมีหลายคนที่เข้าใจผิดว่าหากเสริมจมูกด้วยซิลิโคนที่ “นิ่ม” หรือ “บาง” จะมีความปลอดภัยกับผู้ที่มีเนื้อจมูกบาง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาไม่ได้อยู่ที่วัสดุซิลิโคนเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ความสามารถของเนื้อเยื่อของผู้เข้ารับบริการในการรองรับซิลิโคน หากเป็นผู้ที่มีเนื้อจมูกบางมาก การเสริมจมูกแบบทั่วไปจะเพิ่มแรงกดที่จุดเดียว ทำให้เสี่ยงต่อการกดทับ การขาดเลือดที่ผิวหนัง หากปล่อยไว้นานโดยไม่แก้ไข อาจเกิดปัญหาซิลิโคนดันผิวจนบางลงเรื่อย ๆ จนเกิดการทะลุได้ในระยะยาว ซึ่งต้องรักษาด้วยการผ่าตัดนำซิลิโคนเสริมจมูกออก และอาจเหลือรอยแผลเป็นหรือเปลี่ยนโครงสร้างปลายจมูกอย่างถาวร ทำให้ต้องแก้จมูกใหม่โดยใช้วัสดุอื่นรองรับที่ซับซ้อนมากขึ้น
เมื่อผู้ที่มีปัญหาเนื้อจมูกบางไม่สามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้จึงควรแก้ร่วมกับ
หากเนื้อจมูกบางและต้องการเสริมจมูกให้สวยและไม่เสี่ยงอันตราย วิธีที่ศัลยแพทย์มักแนะนำคือการใช้ กระดูกอ่อนซี่โครง (Rib Cartilage) แทนการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียว เพราะกระดูกอ่อนสามารถขึ้นรูปทรงเฉพาะบุคคลได้ดี มีความแข็งแรงแต่ยืดหยุ่น และไม่เกิดปัญหาการทะลุในระยะยาวเหมือนซิลิโคน
เทคนิคนี้จะช่วยเสริมฐานรองรับของบริเวณปลายจมูก ให่มีโครงสร้างที่มั่นคง ช่วยกระจายแรง ไม่กดทับที่จุดเดียวเหมือนการเสริมจมูกด้วยเสริมซิลิโคนเพียงอย่างเดียวอีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ดูกลืนไปกับเนื้อจมูกเดิม ทั้งยังลดความเสี่ยงของการมองเห็นเงา หรือความคมของขอบซิลิโคนผ่านผิว และยังไม่อันตรายไม่เสี่ยงทะลุอีกด้วย

ผู้ที่มีปัญหากระดูกฮัมพ์สูง ไม่สามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้
“กระดูกฮัมพ์” หรือที่เรียกว่า Dorsal Hump เป็นลักษณะทางกายวิภาคของจมูกที่เกิดจากความนูนของกระดูกบริเวณสันจมูก โดยเฉพาะช่วงกลางจมูก ซึ่งอาจเป็นผลมาจากพันธุกรรม หรือการเติบโตของโครงสร้างกระดูกและกระดูกอ่อนที่ไม่สมดุลกัน กระดูกฮัมพ์จะทำให้แนวจมูกดูไม่เรียบ มีสันนูนกลางจมูก จมูกดูแข็งหรือมีมุมหัก และทำให้ใบหน้าดูมีความแข็งกระด้าง ไม่ละมุนหรืออ่อนโยน
ถึงแม้ว่ากระดูกฮัมพ์จะไม่ใช่ความผิดปกติที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย แต่ส่งผลต่อความงามของใบหน้าเป็นอย่างยิ่งในบางคน เนื่องจากฮัมพ์จมูกนั้นทำให้แนวจมูกขาดความเรียบเนียน เมือต้องการจะแก้ทรงโดยการเสริมจมูกจึงต้องใช้ความละเอียดในการปรับโครงสร้าง ไม่อย่างนั้นจมูกจะดูไม่สม่ำเสมอ แม้จะเสริมจมูกด้วยซิลิโคนคุณภาพสูงก็ตาม
บางคนคิดว่า ใส่ซิลิโคนวางคงไปเหลาซิลิโคนให้เรียบ แค่นั้นสันจมูกก็จะเรียบแล้ว และจะสามารถปกปิดความนูนของกระดูกฮัมพ์ได้ แต่ความจริงแล้ว ซิลิโคนไม่มีความสามารถในการปรับระดับกระดูก หรือกดโครงสร้างให้ต่ำลงได้ ซิลิโคนเสริมจมูกจะถูกวางตามแนวรงจมูก หากโครงฐานมีฮัมพ์สูง ก็จะทำให้เกิดโพรงอากาศระหว่างซิลิโคนกับแนวจมูกเดิม ทำให้ซิลิโคนเสริมจมูกวางได้ไม่แนบสนิท
เมื่อมีช่องว่างในการเสริมจมูกหรือการวางซิลิโคนบนโครงสร้างที่ไม่เรียบ จะเกิดปัญหาตามมา เช่น
- ซิลิโคนลอย ทำให้เห็นเป็นแนวขอบชัด
- จมูกทรงโก่งขึ้นกลางสัน คล้ายมีมุมหัก
- ปลายจมูกตกจากการดันไม่สมดุล
- ซิลิโคนเคลื่อนเมื่อเวลาผ่านไป
- เพิ่มโอกาสการทะลุในระยะยาว
โดยสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความสวยงาม แต่คือปัญหาทางเทคนิคที่อาจทำให้ต้อง “แก้จมูกใหม่ทั้งหมด” ซึ่งจะซับซ้อนและใช้งบประมาณมากกว่าการวางแผนให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น
เมื่อผู้ที่มีปัญหากระดูกฮัมพ์สูงไม่สามารถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวได้จึงควรแก้ร่วมกับ
การปรับแนวฐานกระดูกก่อนเสริมคือคำตอบ โดยศัลยแพทย์อาจใช้วิธี เหลาหรือเจียกระดูกฮัมพ์ และตามด้วยการเสริมด้วย กระดูกอ่อนซี่โครง (Rib Cartilage)
ข้อดีของการใช้กระดูกอ่อนซี่โครงคือ
- สามารถออกแบบแนวสันจมูกใหม่ได้ตามต้องการ
- มีความแข็งแรงและมั่นคงมากกว่าซิลิโคนในระยะยาว
- ลดแรงกดที่ปลายจมูก จึงลดโอกาสทะลุ
- แนบสนิทกับฐานจมูกเดิมได้ดี ไม่เกิดโพรงอากาศ
- ปลายจมูกดูเป็นธรรมชาติ นุ่ม ไม่แข็งเป็นแท่ง
การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวเพื่อแก้ปัญหาฮัมพ์สูงนั้น เปรียบเสมือนการปิดฝารอยปูดด้วยกระดาษ คือแก้ที่ผิว แต่ไม่จัดการต้นตอ หากคุณต้องการแนวจมูกที่เรียบ เนียนตา ละมุนสวยจากโคนจมูกถึงปลาย เทคนิคในการทำศัลยกรรมเสริมจมูกโดยแพทย์เฉพาะทางจึงเป้นคำตอบที่ดีที่สุด
แพทย์จะต้องวิเคราะห์ระดับกระดูกฮัมพ์ว่าควรลดลงเท่าใด ควรใช้วัสดุเสริมชนิดไหน และแนวทรงหลังทำควรมีมุมและความโค้งที่เหมาะกับใบหน้าแค่ไหน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ “การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียว” ไม่สามารถทำได้
ในการตัดสินใจทำศัลยกรรมเสริมจมูก ไม่ว่าจะเพื่อความสวยงาม ความมั่นใจ หรือแก้ไขข้อบกพร่องเดิม สิ่งสำคัญที่สุดคือการ เข้าใจโครงสร้างจมูกของตัวเองอย่างลึกซึ้ง และเลือกเทคนิคการแก้ไขที่เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะบุคคล ไม่ใช่เลือกเพียงเพราะความนิยม หรือหวังผลลัพธ์เหมือนดารา
การใส่ซิลิโคนอย่างเดียว แม้จะเป็นทางเลือกที่สะดวกและต้นทุนไม่สูง แต่ในหลายกรณีอาจไม่สามารถตอบโจทย์ได้ครบถ้วน โดยเฉพาะในผู้ที่มีโครงสร้างจมูกที่ซับซ้อน เช่น จมูกสั้น ปลายงุ้ม เนื้อบาง หรือมีปัญหากระดูกฮัมพ์สูง การใช้เทคนิคการเสริมด้วยกระดูกอ่อนซี่โครงหรือวัสดุอื่นร่วมกับการประเมินโดยศัลยแพทย์ จึงเป็นหนทางที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน หากคุณต้องการจมูกที่สวย เรียว พุ่ง และกลมกลืนกับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ คำตอบไม่ได้อยู่ที่ซิลิโคนเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การวางแผน การออกแบบ และการเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวคุณที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่แค่สวยในวันนี้ แต่มั่นใจได้ในระยะยาว