กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงคืออะไร (Ptosis) สาเหตุเกิดจากอะไร อันตรายไหม มีวิธีการรักษาแบบไหนบ้าง

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงคืออะไร (Ptosis) สาเหตุเกิดจากอะไร อันตรายไหม มีวิธีการรักษาแบบไหนบ้าง

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง (Ptosis) คือ อาการที่เกิดจากภาวะหนังตาบนตกลงมาปิดตามากกว่าปกติ ทำให้เกิดปัญหาการมองเห็น หรือทำให้เกิดการมองเห็นที่จำกัดรวมทั้งมีอาการตาล้า ปวดตา เมื่อยตา เนื่องจากต้องใช้แรงกล้ามเนื้อในการยกเปิดหนังตาขึ้น เหมือนคนเลิกคิ้วตลอดเวลา ซึ่งภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง อาจเกิดจากการทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อที่ช่วยยกหนังตาขึ้น หรือปัญหาทางระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณตา

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

โดยอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ในทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ อาการของกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจะมีความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล ในคนไข้บางราย อาจมีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ในคนไข้บางคนอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นกระทบต่อการมองเห็นอย่างชัดเจน

สาเหตุของการเกิดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
สาเหตุของการเกิดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

ซึ่งในผู้ที่เป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแล้วไม่รีบแก้ไขหรือปล่อยอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงให้ทิ้งอาการเอาไว้เป็นเวลานานๆ อาจทำให้เกิดปัญหาในด้านการมองเห็น บางคนอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรงขึ้นจากการเกร็งกล้ามเนื้อหรือการเพ่งมองเพื่อปรับการมองเห็น บางคนที่มีอาการไมเกรนร่วมด้วย อาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอาจเข้าไปกระตุ้นให้ ปวดมากขึ้น และถี่ขึ้นได้

สาเหตุของการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุโดยทั่วไปแล้วกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลัก คือ กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่เกิดขึ้นตั้งแต่กำเนิด (Congenital Ptosis) และกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่เกิดขึ้นภายหลัง (Acquired Ptosis)

ประเภทของกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
ประเภทของกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

1. กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงตั้งแต่กำเนิด

ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงชนิดนี้จะเป็นอาการที่เกิดขึ้นตั้งแต่เด็กแรกเกิดโดยมักจะเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของกล้ามเนื้อที่เรียกว่า Levator Palpebrae Superioris ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อหลักสำคัญที่ใช้ในการยก เปิดหนังตาขึ้นในเวลาลืมตา ในบางกรณีเด็กที่มีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงนี้อาจเกิดมาพร้อมกับความผิดปกติของเส้นประสาทที่ทำงานโดยการส่งสัญญาณให้กล้ามเนื้อหนังตาทำงาน ซึ่งอาการนี้เองที่เป็นตัวการนำไปสู่การเกิดภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงตั้งแต่กำเนิด

2. กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่เกิดภายหลัง

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงประเภทนี้มักเกิดขึ้นในวัยรุ่นและผู้ใหญโดยกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงประเภทนี้สามารถเกิดจากหลายสาเหตุ อาทิเช่น

  • อายุ

เป็นปัญหาที่เกิดจาก กล้ามเนื้อที่ใช้ในการยกเปิดหนังตามีการเสื่อมสภาพลงไปตามอายุที่มากขึ้น หรือจากการใช้งาน

  • โรคเกี่ยวกับระบบประสาท

โรคต่างๆที่สามารถส่งผลเกี่ยวกับระบบประสาทและประสาทตาได้ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis) ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงกล้ามเนื้อตา ทำงานได้ไม่เต็มที่

  • การบาดเจ็บ

อาการบาดเจ็บหรือในผู้ที่ผ่านการผ่าตัดบริเวณตาอาจมีการส่งผลให้กล้ามเนื้อตาเกิดการเสียหาย หรืออ่อนแรง

  • โรคภัยอื่นๆ

โรคต่าง ๆก็สามารถส่งผลเกี่ยวกับประสาทตาได้ในทางอ้อมเช่นกัน อาทิ โรคเบาหวาน โรคเส้นประสาทอักเสบ หรือมะเร็งบางชนิดอาจเป็นสาเหตุให้เกิดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้

  • การใช้ชีวิตประจำวัน

ในแต่ละวันเราอาจทำสิ่งที่ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื่อตาอ่อนแรงได้ ทั้งการขยี้ตาบ่อยๆ การใส่คอนแทคเลนส์ บิ๊กอายส์เป็นระยะเวลานานๆ โดยสิ่งนี้จะทำให้เกิดกล้ามเนื้อตายืดได้

  • ความผิดปกติของการสื่อประสาท

อาการนี้จะเหมือนคนเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงในบางเวลา เมื่อได้พักสายตา หรือพักผ่อน ก็จะทำให้หาย หรือดีขึ้นได้ 

อาการของกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
อาการของกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

อาการของผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

อาการหลักของผู้ที่เป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงคือ จะมีหนังตาบนตกลงมาปิดตา ทำให้เกิดการมองเห็นภาพได้ไม่ชัดเจนหรือมีมุมมองที่จำกัด โดยอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงนั้นอาจเกิดขึ้นได้ทั้งกับตาข้างใดข้างหนึ่งหรืออาจเป็นกับทั้งสองข้างก็ได้เช่นกัน โดยสามารถจำแนกอาการเป็นข้อๆ ได้ดังนี้

  • ลืมตาได้ไม่เต็มที่ทั้งสองข้าง

อาการนี้เป็นอาการของผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงทั้งสองข้าง โดยดวงตาข้างที่เป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจะมีชั้นตาที่ใหญ่กว่าชั้นตาปกติ มีหนังตาตกลงมาปิดที่บริเวณขอบบนของตาดำ มีชั้นตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน หรือในบางคนอาจมีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้ในตาทั้งสองข้าง สามารถสังเกตได้จากการลืมตาที่ไม่ปกติ

  • ลืมตาได้ไม่เต็มที่ด้วยตาข้างใดข้างหนึ่ง

อาการนี้เป็นภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงข้างเดียว ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการยกคิ้วข้างที่มีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจะมีการยกขึ้นสูงกว่าคิ้วในข้างที่ตาข้างที่ไม่ได้เป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จึงทำให้มีคิ้วที่ยกสูงไม่เท่ากัน ในผู้ที่เป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงข้างเดียว ตาจะดูไม่เท่ากันและเป็นการส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจของผู้ที่มีอาการนี้

  • มีเบ้าตาลึกกว่าปกติ 

ในผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง โดยปกติแล้วจะสามารถสังเกตุจากการที่มีเบ้าตาที่ลึกมากกว่าปกติ เนื่องจากไขมันใต้เปลือกตาหายไป ทำให้ตาดูโหล ดูโทรม ดูมีอายุ รวมทั้งยังดูเหมือนเป็นคนง่วงนอนตลอดเวลาด้วย

  • มีหนังตาตก   

อาการนี้ผู้ที่เป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จะมีหนังตาหรือเปลือกตาบนตกลงมาต่ำกว่าปกติ เหมือนมีเนื้อตาเยอะ หรือหนังตาบวม  โดยเปลือกตาจะตกลงมาปิดรูม่านตาทำให้มีปัญหาในการมองเห็น ลืมตาไม่ค่อยได้ รู้สึกเหมือนมีความหนักที่ตา 

  • ตาปรือ 

โดยจะมีหนังตาตกแม้จะนอนเต็มอิ่มแล้วก็ตาม จะมีความรู้สึกหนัก ตารู้สึกลืมตาไม่ขึ้น ตาเมื่อยล้า ทำให้แววตาไม่สดใส แววตาดูเศร้า ตาลอยได้

  • ชั้นตาซ้อนกันหลายชั้น 

อาการนี้จะเกิดจากการที่กล้ามเนื้อตาทำงานกันอย่างผิดปกติ จึงทำให้เกิดผิวเปลือกตาด้านบนมีลักษณะทับซ้อนติดกันหลายชั้นนั่นเอง

  • คิ้วโก่ง  

อาการคิ้วโก่งหรือ คิ้วสูงไม่เท่ากันนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากการที่ต้องคอยยืมแรงจากกล้ามเนื้อหน้าผาก ในการใช้กำลังลืมตา เพื่อยกหรือเปิดเปลือกตาขึ้น ไม่ให้บดบังการมองเห็นให้มองเห็นได้ชัด สิ่งที่ตามมาคือริ้วรอย และการเมื่อยใบหน้าช่วงบน

ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ที่เป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงยังส่งผลให้มีอาการอื่นๆตามาดังนี้

  • การมองเห็นสองภาพ (Diplopia) หรือเห็นภาพซ้อน
  • อาการตาล้า อาการนี้จะเป็นโดยเฉพาะเมื่อต้องใช้สายตาเป็นเวลานาน เนื่องจากต้องเพ่งและมองมากกว่าปกติ
  • จะมีความยากลำบากในการลืมตาหรือการกะพริบตา เนื่องจากต้องใช้แรงกล้ามเนื้อบริเวณเปลือกตามากกว่าปกติ
  • อาการปวดหรือไม่สบายบริเวณดวงตาเนื่องจากใช้ตามาก
  • ในเด็ก อาจมีการใช้หน้าผากหรือคิ้วในการช่วยยกหนังตาขึ้นเพื่อให้มองเห็นได้ดีขึ้น
  • อาจส่งผลให้เกิดริ้วรอยบริเวณหน้าผากเนื่องจากต้องเลิกคิ้วขึ้นเพื่อยกหนังตา

เมื่อรู้ตัวว่ามีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ควรเข้ารับการรักษาโดยเร็วเพื่อไม่ให้เป็นมากขึ้นโดยแพทย์จะทำการวินิจฉัยดังนี้

การวินิจฉัยภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เบื้องต้นแพทย์จะทำการซักประวัติอาการ การใช้ชีวิตประจำวันและทำการตรวจร่างกายโดยละเอียด โดยแพทย์จะมีการประเมินระดับความรุนแรงของการตกของหนังตาของผู้ป่วย และตรวจสอบเพิ่มเติมว่าอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงนี้เกิดจากสาเหตุใด 

นอกจากนี้อาจมีการตรวจอาการเพิ่มเติมของกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เช่น

  • การตรวจการมองเห็น
  • การตรวจกล้ามเนื้อและเส้นประสาท
  • การตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุจากโรคประจำตัว เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการซับซ้อนมากกว่ากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือมีปัญหาทางระบบประสาทร่วมด้วย อาจจำเป็นต้องใช้การตรวจภาพถ่าย MRI หรือ CT scan เพื่อช่วยในการวินิจฉัยเพิ่มเติม

การรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
การรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

การรักษาอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

การรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงนั้นจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่ผู้ป่วยเป็น

โดยการรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงสามารถแบ่งออกเป็นหลายวิธี ได้แก่

1. การรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงด้วยยา

หากกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่ผู้ป่วยเป็นนั้นเกิดจากอาการของโรคทางระบบประสาท อาทิเช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis) อาจจำเป็นต้องใช้ยาที่เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เกิดการทำงานของกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ยาที่ช่วยเพิ่มการส่งสัญญาณประสาทไปยังกล้ามเนื้อ เป็นต้น

2. การรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงด้วยการผ่าตัด

ในกรณีที่เป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแบบรุนแรงหรือกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงนั้นเกิดจากการเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อ การผ่าตัดนับเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดและได้ผลมากที่สุด การผ่าตัดสามารถรักษาภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้ทุกประเภท เนื่องจากเป็นการปรับแต่งกล้ามเนื้อที่ใช้ยกและเปิดหนังตา รวมถึงการกระพริบตาให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติและมีประสิทธิภาพ 

การผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมาตั้งแต่กำเนิด หรือเกิดขึ้นภายหลังหรือตอนโตอาจมีการรักษาที่แตกต่างกันไปตามอาการและความหนักเบา โดยทั่วไปแล้วการผ่าตัดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจะช่วยในการปรับปรุงให้เกิดการการมองเห็นที่ดีขึ้นทั้งยังช่วยลดอาการไม่สบายตา ปวดตา ตาล้า ที่เกิดจากการที่หนังตาตกได้ด้วย

การผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง แพทย์จะใช้วิธีการ เย็บตรึงกล้ามเนื้อตาด้วยความตึงแตกต่างกันตามปัญหา ทำให้หากเป็นทั้งสองข้าง การเย็บจะแตกต่างกัน เนื่องจากกล้ามเนื้อตาจะมีความหย่อนคล้อยไม่เท่ากันนั่นเอง การผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงนั้นจะขึ้นอยู่กับกำลังของกล้ามเนื้อตาที่ออกแรงในการยกเปิดเปลือกตา การแก้ไขจึงเป็นการแก้ไขเพื่อให้กล้ามเนื้อตาที่ตก ได้ตึงขึ้น ยกขึ้น ทำให้สามารถออกแรงในการใช้งานได้มากขึ้น ช่วยปรับระดับการยกขึ้นของเปลือกตา 

จึงจำเป็นต้องทำร่วมกับการทำตาสองชั้น เพราะต้องมีการเปิดแผลจากการทำตาสองชั้นก่อนจึงจะสามารถทำการผ่าตัดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้

โดยที่ APS Clinic มีวิธีการผ่าตัดทำตาสองชั้น เพื่อแก้ปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง อันเกิดจากกล้ามเนื้อของบริเวณเปลือกตาที่ ไม่สามารถทำการเปิด พยุงหนังตา หรือยกขึ้นได้อย่างเต็มที่ ทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า ไม่แข็งแรงทำให้ตาปรือ เหมือนคนเหนื่อย อิดโรยล้าและดูง่วงนอน นั่นก็คือการทำตาสองชั้นเทคนิค Glamor Eyes เทคนิคเฉพาะของ APS Clinic ที่ช่วยในการแก้ปัญหาและรักษาอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้เป็นอย่างดี เทคนิคนี้ได้รับการคิดค้นโดย นพ.ศิวัตม์ เสรีโรดม หรือที่หลายๆคนเรียกกันว่า คุณหมอปิง

ซึ่งเป็นการทำศัลยกรรมตาสองชั้นออกแบบมาเพื่อให้ทั้งความสวยงามและรักษาอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้ ทั้งยังเป็นการผ่าตัดทำตาสองชั้นที่มีความคงทนไม่ต้องกลัวปมหลุด หรือขาด สวยและเข้ากับรูปหน้าได้โดยไม่ต้องกังวลในชั้นตาที่เคยหนาจากการเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

เทคนิคทำตาสองชั้น Glamor Eyes  แพทย์หรือคุณหมอปิงจะทำการผ่าตัดรักษาโดยการ ดึงเปิดกล้ามเนื้อตาไปในครั้งเดียวพร้อมกับการทำตาสองชั้น การผ่าตัดนั้นจะเป็นเหมือนการทำให้กล้ามเนื้อตาที่เคยตกนั้นสามารถเปิด และยก ให้มีระยะการทำงานได้มากขึ้นทำให้เปิดตาได้มากขึ้น ไม่บดบังการมองเห็น

โดยการผ่าตัดทำการรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ด้วยการทำตาสองชั้นเทคนิค Glamor Eyes สามารถทำได้ที่ APS Clinic ที่เดียวเท่านั้น

หากได้รับการรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแล้วควรดูแลหลังการผ่าตัดดังนี้

หลังจากการผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือคุณหมออย่างเคร่งครัดเพื่อให้ผลการผ่าตัดฟื้นตัวได้ดีและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ดังนี้

  • การพักผ่อนสายตา: โดยการหลีกเลี่ยงการใช้สายตาหนัก ๆ หรือการทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดการเพ่ง หรือการมองอย่างใจจดใจจ่อ
  • การใช้น้ำแข็งประคบ: การประคบน้ำแข็งเพื่อช่วยลดอาการบวมและปวดหลังผ่าตัด
  • การใช้ยาตามแพทย์สั่ง: เพื่อลดการอักเสบและยาป้องกันการติดเชื้อจากการผ่าตัด
  • การติดตามผลการรักษา: ควรเข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจเช็คการฟื้นตัวและปรับแต่งหนังตาหากจำเป็น

ผลลัพธ์ของการผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

ผลลัพธ์จากการผ่าตัดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จะเห็นได้ชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์หลังการผ่าตัดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จะเห็นได้ว่าหนังตาที่ได้รับการผ่าตัดจะถูกยกขึ้นมาให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมผู้เข้ารับการผ่าตัดจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น 

อาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจะลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตามผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสาเหตุและสภาพร่างกายของผู้ป่วย รวมถึงทักษะของแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด

ดูเคสรีวิวกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหากไม่ได้รับการดูแลที่ดี

การผ่าตัดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่ได้รับการดูแลหลังการทำที่ดี หรือแพทย์ผู้ผ่าตัดไม่มีความเชี่ยวชาญที่มากพอ โดยอาการเหล่านั้นมีดังนี้

  • การติดเชื้อหลังผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
  • การเกิดแผลเป็นที่ตา  ทำให้แผลผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงไม่สวย
  • การฟื้นตัวที่ไม่เท่ากันระหว่างตาสองข้างหลังทำการผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงสำหรับตาทั้งสองข้าง
  • แพทย์วัดขนาดหรือทำการยกหนังตาได้ไม่เพียงพอหรือมากเกินไป
  • เกิดการมองเห็นสองภาพ (diplopia) 
  • เกิดอาการอาการตาแห้งหลังผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

ผลกระทบต่างๆที่เกิดจากอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการมองเห็น แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ

  • การใช้สายตาในการดำเนินชีวิต

ผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอาจประสบปัญหาในการใช้สายตาในการดำเนินชีวิต เนื่องจากหนังตาบดบังทัศนียภาพ เช่น การอ่านหนังสือ การขับรถ หรือการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน รวมทั้งการทำงาน ซึ่งการใช้สายตาของผู้ที่เป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงนั้นจำเป้นจะต้องเพ่ง จ้องและใช้สายตามากกว่าปกติอาจทำให้เกิดอาการปวดตาหรือตาล้าได้ง่าย

  • ผลกระทบต่อสังคมและจิตใจ

การมีหนังตาตกลงมามากจากการมีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จนดูแปลก ดูไม่ปกติ อาจทำให้ผู้ที่เป็นรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองและส่งผลต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่น เนื่องจากอาจถูกมองว่าไม่ใส่ใจต่อบุคลิกภาพหรือมีความผิดปกติทางร่างกาย ทำให้ไม่มั่นใจ และไม่อยากพบปะกับคนในสังคม ทำให้อาจมีอาการจิตเวชตามมาจึงต้องรู้จักดูแล และป้องกันตัวเองเบื้องต้นเพื่อป้องกันการเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

การป้องกันและดูแลรักษาตนเองเพื่อให้ห่างไกลจากการเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ทำได้ดังนี้

สำหรับผู้ที่มีไม่ต้องการเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ควรมีการดูแลสุขภาพตาและร่างกายอย่างสม่ำเสมอโดยการ

  • การพักผ่อนสายตา

ควรพักสายตาเป็นระยะเมื่อต้องใช้สายตานานๆ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์หรือการอ่านหนังสือ

  • การรักษาโรคประจำตัว

หากเป็นผู้ที่มีโรคต่างๆที่สามารถเป็นปัจจัยเสี่ยงได้ เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรดูแลรักษาโรคเหล่านี้อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

  • การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

 รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง อาทิเช่น อาหารที่มีวิตามินเอสูง จะช่วยส่งเสริมสุขภาพตาและระบบประสาท

**แต่หากมีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแล้ว และต้องการไม่ให้อาการเป็นหนักมากขึ้นควร

การติดตามอาการและพบแพทย์อย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ หากพบว่าอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเริ่มรุนแรงขึ้นหรือเริ่มส่งผลกระทบต่อการมองเห็น ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาหรือผ่าตัดเพิ่มเติม การติดตามอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถควบคุมภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้รวมทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนของกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้ในอนาคต

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

  • อาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงรักษาได้อย่างไร?

การรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอาจมีการรักษาที่แตกต่างกันไปตามสาเหตุของอาการรวมทั้งความรุนแรง ในบางกรณีที่อาการไม่รุนแรง การเฝ้าติดตามอาการอาจเพียงพอ แต่สำหรับกรณีที่หนังตาตกมาก การรักษาหลักคือการผ่าตัดเพื่อแก้ไขกล้ามเนื้อตา ทำให้หนังตาทำงานได้อย่างปกติอาจเป็นการตอบโจทย์มากที่สุด ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ว่าอาการที่เป็นนั้นอยู่ในระยะไหน เพื่อไม่ให้อาการเป็นหนักและอยู่ในระยะที่ไม่อันตราย

  • ผ่าตัดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเจ็บไหม?

การทำการผ่าตัดนั้นไม่เจ็บ เนื่องจากในระหว่างการผ่าตัด เข้ารับการรักษาจะได้รับยาชาเฉพาะที่หรือยาสลบขึ้นอยู่กับระดับความซับซ้อนของการผ่าตัด จึงทำให้จะไม่รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด แต่หลังการผ่าตัด อาจมีอาการปวดหรือไม่สบายตาเล็กน้อย แต่อาการเหล่านี้จะสามารถหายได้เองโดยไม่ต้องกังวล

  • ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนการผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง?

การเตรียมตัวเหมือนกันกับการผ่าตัดทั่วไป คือ หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของเลือดออกได้เช่น ยาแอสไพรินหรือยาต้านการอักเสบ วิตามินบางชนิด นอกจากนี้ควรหยุดสูบบุหรี่ก่อนการผ่าตัดเพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

  • การผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

การผ่าตัดรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง มีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่น ๆ หากดูแลหลังการผ่าตัดได้ไม่ดีเท่าที่ควร หรือแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดไม่มีความชำนาญที่มากพอ เช่น การติดเชื้อ แผลเป็น การยกหนังตาได้ไม่เท่ากัน มากหรือน้อยเกินไป นอกจากนี้ยังอาจเกิดภาวะตาแห้งหรือปัญหาการมองเห็นชั่วคราวหลังผ่าตัดได้

  • ฟื้นฟูหลังการผ่าตัดนานแค่ไหน?

ระยะเวลาฟื้นฟูขึ้นอยู่กับการผ่าตัดและสุขภาพของผู้เข้ารับการผ่าตัด โดยทั่วไปอาจใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ในการหายดีจากอาการบวมและฟกช้ำ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายอาจเห็นได้ชัดภายใน 3-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบุคคล และการดูแลหลังทำการผ่าตัด

  • กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงสามารถเกิดขึ้นอีกหลังการผ่าตัดหรือไม่?

ในบางกรณีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอาจกลับมาอีก โดยเฉพาะในผู้ที่มีสาเหตุจากภาวะเสื่อมตามอายุหรือโรคทางระบบประสาท การผ่าตัดซ้ำอาจจำเป็นในบางกรณี

  • กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงในเด็กจำเป็นต้องผ่าตัดหรือไม่?

หากกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงในเด็กมีผลกระทบต่อการมองเห็นหรืออาจทำให้เกิดปัญหาในการพัฒนาทางสายตา เช่น ภาวะตาเหล่ หรือตาขี้เกียจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้ปัญหาต่างๆอาทิ ปัญหาด้านการมองเห็นในอนาคต

» Switch Languages